นายกฯ ให้สัมภาษณ์ เตรียมหารือ ปธน.ทรัมป์ แม้จะเวลาสั้นแค่ 5 นาที ผลักดันการพิจารณาอัตราภาษี ขยายความร่วมมือการค้า ความมั่นคง รวมถึงประเด็นเรื่องสแกมเมอร์ หวังได้หารือต่อในเวทีเอเปกที่เกาหลี
วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 23.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์สื่อโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ โรงแรมที่พัก โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกำหนดการในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 ซึ่งจะเข้าร่วมการพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง และการพบหารือกับประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J. Trump) ซึ่งไทยจะใช้โอกาสนี้ ในการลงนามในสัญญาทางการค้า การพิจารณาอัตราภาษี ความร่วมมือทางการค้า ความมั่นคง รวมถึงประเด็นเรื่องสแกมเมอร์ที่คาดว่าจะมีการพูดคุยกัน ซึ่งตนเองจะเชิญประธานาธิบดีทรัมป์เยือนไทยอย่างเป็นทางการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐ ฯ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ประมาณ 5 นาที จะสร้างความคุ้นเคย เชื่อว่าจะได้หารือกับประธานาธิบดีทรัมป์ ในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่สาธารณรัฐเกาหลี ด้วยเนื่องจากไทยกับสหรัฐฯ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษอยู่ติดกัน
“การร่วมลงนามในเอกสาร Joint Declaration ระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อกำหนดแนวทางการสร้างสันติภาพกับกัมพูชา ซึ่งการมาถึงจุดนี้ มีเงื่อนไขและข้อปฏิบัติที่ต่างฝ่ายต่างตกลงกัน แต่ในส่วนของการปฏิบัติจะต้องเริ่มจากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามเงื่อนไขสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามสแกมเมอร์ และการแก้ปัญหาการรุกล้ำพื้นที่เขตแดน ซึ่งได้รับสัญญาณเชิงบวกจากฝ่ายกัมพูชาว่า เมื่อมีการลงนามแล้ว ทางฝ่ายกัมพูชาจะเริ่มดำเนินการตามเงื่อนไข 2 ข้อแรก โดยไทยจะเร่งดำเนินการในส่วนของไทยเช่นเดียวกัน เมื่อมั่นใจว่าต่างฝ่ายต่างปฏิบัติตามข้อผูกพันแล้ว ไทยก็จะส่งคืนเชลยศึก 18 คน โดยก่อนส่งคืนจะมีการตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่าไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา หลังจากนั้นจึงมาหาแนวปฏิบัติต่อกันเพื่อให้ความเป็นภัยต่อกันลดน้อยลง ทั้งนี้ การลงนามในครั้งนี้เป็นการลงนามต่อหน้านายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และสหรัฐฯ ในฐานะผู้ประสาน” นายกรัฐมนตรีกล่าว
สำหรับการประชุมอาเซียนในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมุ่งหวังใช้ไมตรีอาเซียนในการแก้ปัญหาที่ไทยเผชิญอยู่ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย และสามารถสร้างสันติภาพในภูมิภาคนี้ ตลอดจนการขยายการค้า เศรษฐกิจ ความมั่นคง และความร่วมมือต่าง ๆ กับประเทศในภูมิภาคนี้


