xs
xsm
sm
md
lg

“เพื่อไทย” โวย “อนุทิน” ห้ามแข่งโป๊กเกอร์ ทำสูญรายได้ 1,400 ล้านบาท/อีเวนต์ ขัดกระแสโลกปิดประตูท่องเที่ยวใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เพื่อไทย” ซัด “อนุทิน” สั่งยกเลิกสถานะกีฬาโป๊กเกอร์ ทั้งที่สร้างรายได้กว่า 1,400 ล้าน/อีเวนต์ ชี้ ขัดกระแสโลก ปิดประตูเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยวใหม่ ถามทำเพื่อประเทศ หรือตอบสนองทางการเมือง

นายสรวงศ์ เทียนทอง รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วิจารณ์กรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ยกเลิกสถานะกีฬาของการแข่งขันโป๊กเกอร์ แล้วนำกลับไปอยู่ในหมวดการพนัน ว่า เป็นการตัดสินใจที่ขัดต่อกระแสโลกและแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยว พร้อมตั้งคำถามสำคัญว่า นี่คือ การตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อผลประโยชน์ของประเทศกันแน่
ขณะที่สมาคมกีฬาเชิงสมองนานาชาติ (IMSA) ได้รับรองให้โป๊กเกอร์เป็นกีฬาเชิงสมอง (Mind Sport) ตั้งแต่ปี 2024 เพราะต้องอาศัยทักษะคิดวิเคราะห์ วางกลยุทธ์ และความอดทนทางจิตใจ อีกทั้งการกีฬาแห่งประเทศไทย (SAT) ก็มีมติในเดือนกรกฎาคม 2025 รับรองให้โป๊กเกอร์และแฟลกฟุตบอลเป็นกีฬาอย่างเป็นทางการ โดยมีข้อกำหนดห้ามเล่นพนันบนโต๊ะแข่งขันอยู่แล้ว จึงไม่อาจอ้างเหตุผลเรื่องการพนัน ได้

โป๊กเกอร์ในระดับสากลปัจจุบันมีสมาชิกสหพันธ์กว่า 50 ประเทศทั่วโลก มีนักกีฬากว่า 450,000 คน และฐานผู้เล่นกว่า 100 ล้านคน หากไทยใช้โอกาสนี้จัด Poker Tour Festival ปีละครั้ง จะสามารถสร้างรายได้มหาศาล เนื่องจากประเทศไทยมีความพร้อมด้านโรงแรม ศูนย์ประชุม และสนามบินนานาชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (TCEB) เคยประเมินว่า นักท่องเที่ยวที่มาร่วมทัวร์นาเมนต์ 1 คน ใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000 บาทต่อวัน อยู่เฉลี่ย 7–14 วัน หากดึงผู้เข้าร่วมได้ 10,000 คน จะสร้างรายได้รวมกว่า 1,400 ล้านบาทต่ออีเวนต์

นายสรวงศ์ ย้ำว่า โป๊กเกอร์ไม่ใช่การพนัน แต่เป็นกีฬาเชิงกลยุทธ์ (Strategic Sport) ที่หลายประเทศใช้ส่งเสริมเศรษฐกิจเชิงท่องเที่ยวและดึงดูดนักท่องเที่ยวรายได้สูง การตัดสินใจของรัฐบาลอนุทินจึงสะท้อนภาพการเมืองนำเศรษฐกิจมากกว่าการพัฒนาประเทศ

และยังเปรียบเทียบว่า ในขณะที่รัฐบาลเร่งตีกรอบโป๊กเกอร์เป็นการพนันโดยอ้างผลกระทบต่อประชาชน กลับละเลยผลเสียจากนโยบายกัญชาเสรี ซึ่งงานวิจัยของ Arizona State University (2025) พบสารพิษตกค้างในกัญชาที่ถูกยึด เช่น Mycotoxins และ Diacetoxyscirpenol ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทั้งที่สหรัฐฯ มีมาตรฐานตรวจสารปนเปื้อนกว่า 30 รายการก่อนจำหน่าย แต่รัฐบาลไทยกลับไม่จัดตั้งระบบตรวจ “Certificate of Analysis (COA)” สำหรับกัญชาในท้องตลาดเลย

“ทำไมรัฐบาลถึงกล้าปล่อยสารเสพติดเชิงธุรกิจ โดยไม่สร้างมาตรฐานความปลอดภัย แต่กลับปิดกั้นกีฬาเชิงท่องเที่ยวที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลให้ประเทศ” นายสรวงศ์ ตั้งคำถาม พร้อมเตือนว่า การตัดสินใจนี้อาจทำให้ไทยสูญเสียโอกาสสร้าง เศรษฐกิจท่องเที่ยวใหม่ (New Sport Tourism Economy) ที่มีมูลค่าหลายร้อยล้านบาทต่อครั้ง และเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านในสมรภูมิการแข่งขันดึงนักท่องเที่ยวรายได้สูง


กำลังโหลดความคิดเห็น