ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ วิบากกรรม "ต่อ-วรภัค" หลังทิ้งเก้าอี้ รมช.คลัง ก็ยังถูกตามตั้งคำถาม!
พิษข่าวลือที่แพร่สะพัดว่าไปโยงขบวนการสแกมเมอร์ จนทำให้ "ต่อ-วรภัค ธันยาวงษ์" ผู้ซึ่งประกาศขอลาออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หลังแถลงข่าวยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ตามที่ถูกกล่าวหา โดยให้เหตุผลไม่อยากให้เรื่องส่วนบุคคลกระทบกับการทำงานของรัฐบาลอนุทิน
เรียกว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวออกไป ดูเหมือนเรื่องราวจะสงบจบลงที่การลาออก แต่ก็วิบากกรรมของ "ต่อ-วรภัค" ก็ยังไม่สิ้นสุด
เมื่อ "สฤณี อาชวานันทกุล" นักเขียน นักแปล นักวิจัย และนักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ถึงข้อสงสัยในเฟซบุ๊กส่วนตัว Sarinee Achavanuntakul จับประเด็นพุ่งเป้าไปที่ "ภรรยา" ขอ งต่อ-วรภัค
“สฤณี” โพสต์ว่า "โอ้โห โพสต์ล่าสุดบนบล็อก Whale Hunting นี่ถ้าเป็นหนังตำรวจต้องเรียกว่า เจอ smoking gun แล้วนะคะ คุณ Bradley Hope (คู่หู Tom) เปิดเอกสารสิงคโปร์ 84 หน้า ที่ชี้ชัดมากเรื่อง การโอน credit fund ไปให้ Beteverse (KuCoin) และการจ่ายเงินเป็นคริปโต สกุล Tether ให้กับภรรยาคุณวรภัค
แสบมากๆ ปล่อยเอกสารไม่ถึง 1 วัน หลังจากที่ รมช. ประกาศลาออก และปฏิเสธการมีอยู่ของมัน
เห็นที สำนักงาน กลต. ต้องเร่งประสานความร่วมมือกับ MAS สิงคโปร์ ขอเอกสารทั้งหมดมาแล้วนะคะ เพราะข่าวนี้น่าจะทำให้ MAS เร่งมือสอบสวนเช่นกันในฝั่งสิงคโปร์"
จากนั้นไม่นาน “วรภัค” ได้โพสต์ตอบโต้ทันควันผ่านเพจส่วนตัว Vorapak Tanyawong ความว่า "คุณสฤณีครับ ผมยินดีจะนั่งคุยต่อหน้ากัน และถ้าคุณมีเอกสารหลักฐาน เอาเอกสารหลักฐานมาเปิดเผยให้เห็นกันเลยครับ ว่าภรรยาผม เคยรับเงินคริปโตสกุล Tether เพราะเราไม่เคยรับเงินอะไรที่ว่านี้เลย
การนำข่าวที่เขียนลอยๆ มาเผยแพร่โดยไม่มีเอกสารหลักฐานของจริงมายืนยัน ทำให้ผมเสียหายครับ
ผมชื่นชมและติดตามผลงานของคุณสฤณี มาตลอด แต่อยากให้เขียนโดยปราศจากอคติ และให้เป็นบทความมีข้อเท็จจริงที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วยครับ
ยินดีนั่งเล่าข้อเท็จจริงทุกอย่างฟังได้เลยครับ เพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง ถ้าสะดวกเรียนเชิญมาที่บ้านผม จะได้รู้ว่าพวกเรามีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร
ชื่นชมและติดตามผลงานของน้องมาตลอด ประทับใจตั้งแต่เคยไปทริปภูฏานด้วยกัน แล้วเห็นน้องนั่งจดบันทึกข้อมูลที่ไกด์เล่าให้ฟังตลอดทริป แต่อยากมีโอกาสนั่งเล่าให้ฟังจริงๆ ครับว่าเรื่องราว มีอะไร ยังไงบ้าง เพราะผมไม่มีอะไรต้องปิดบัง"
นี่ก็เป็นการแลกหมัดระหว่าง "วรภัค" ฝ่ายที่ถูกมรสุมข้อครหาเล่นงานกับ "สฤณี" ฝ่ายที่ยังกังขา ซึ่งก็ต้องบอกว่า ของพรรค์นี้ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ากับเอกสารหลักฐาน!
งานนี้จะเชื่อฝ่ายไหน ประการใด ทางเดียวที่จะพิสูจน์กันได้ก็มีเพียงด้วยความจริงเท่านั้น
++ “สุริยะ” ดัน “พงศ์กวิน” หลานชาย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย!?
การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ของ “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร เพื่อเปิดทางให้มีการปฏิรูปพรรคกันใหม่ ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณ ถอยออกมาของตระกูล “ชินวัตร”
ด้วยรู้ว่า “ชินวัตร” นั้นขายไม่ได้ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนรู้ไส้ รู้พุงหมดแล้ว เพราะดันเปิดโปงตัวเองเสียล่อนจ้อนว่า ไปสุมหัวมีผลประโยชน์ร่วมอยู่กับ “ฮุน เซน” จนนำมาสู่ความขัดแย้ง กระทั่งมีการปะทะกันทางทหาร และเป็นปัญหาต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้
แต่ตลอด 20 กว่าปี ที่ผ่านมานั้น พรรคเพื่อไทยถูกออกแบบมาให้เป็นพรรคการเมืองที่ “มีเจ้าของ” มี “ท่อน้ำเลี้ยง” จนบรรดา สส.ส่วนใหญ่ ไม่ว่าภาคอีสาน ภาคเหนือ หรือภาคอื่นๆ คุ้นชินถึงขั้น “เสพติด” กับน้ำเลี้ยงที่ว่า
การปล่อยชื่อ “จาตุรนต์ ฉายแสง” หรือ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” ออกมา ว่าจะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคจึงเป็นไปได้ยาก
“จาตุรนต์ ” แม้จะเคยนั่งรักษาการหัวหน้าพรรค เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี มีความโดดเด่นเรื่องหลักการประชาธิปไตย แต่เป็น “ประชาธิปไตยที่กินไม่ได้”
ส่วน “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” อดีต รมช.คลัง มีภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ เป็นลูกชายของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ก็คงเป็นไปได้ยากเช่นกัน เพราะ “สมพงษ์” ผู้พ่อ เพิ่งมีปัญหาทางใจ กับ “เจ๊แดง” และ “อุ๊งอิ๊งค์” จนถึงขั้นลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว
จึงมีการโฟกัสไปที่ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้อำนวยการเลือกตั้งของพรรค เพราะเคยเป็นเลขาฯ พรรคมาแล้ว ผ่านงานการเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ล่าสุดในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ เขาก็เป็นรองนายกฯ ควบรมว.คมนาคม แถมตอนที่ “อุ๊งอิ๊งค์”ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ เขาก็ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี
แต่ “สุริยะ” ก็ยืนยันว่า คนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ไม่ใช่ตัวเขาแน่นอน และได้บอกใบ้ว่า ไม่ใช่คนในตระกูลชินวัตร แต่เป็นคนที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย เป็นคนรุ่นใหม่ ที่พร้อมจะนำพาพรรคลงสู้ศึกเลือกตั้งครั้งนี้
พอ“สุริยะ”บอกใบ้มาเช่นนี้ ชื่อของ “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ก็โดดเด่นขึ้นมาทันที
ก็ในเมื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ยังตั้ง “แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาว ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีได้ แล้วทำไม “สุริยะ”จะดัน“พงศ์กวิน” หลานชาย ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคบ้างไม่ได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมา เขาก็เป็นคนหนึ่งที่ถือกุญแจเปิดท่อน้ำเลี้ยงอยู่ และตอนนี้ก็ถือว่าใหญ่สุดในพรรค
“พงศ์กวิน” ตอนนี้อายุ 45 ปี เป็นลูกของ โกมล และ ยาใจ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหลานชายของสุริยะ และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าคณะก้าวหน้า
จบปริญญาตรีวิศวกรรมโยธา ม.ธรรมศาสตร์ ปริญญาโท บริหารธุรกิจ ม.รังสิต เคยทำงานเป็น ประธานกรรมการ และกรรมการบริษัท หลายบริษัท
เข้าสู่การเมืองโดยเริ่มจากเป็น กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 2561 ซึ่งช่วงนั้น “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ไปแอบอิงอยู่กับ “กลุ่ม3ป.” เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 16 ในการเลือกตั้งปี 2562 และได้เป็นส.ส. แต่ภายหลังการยุบสภาฯ “พงศ์กวิน” ย้ายตาม “สุริยะ”ไปสังกัดพรรคเพื่อไทย และการเลือกตั้งปี 2566 ได้ลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ อยู่ลำดับที่ 93 ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า ผู้ที่อยู่ลำดับท้ายๆ คือไม่ได้หวังให้เป็นส.ส. แต่ให้เตรียมตัวเป็นรัฐมนตรี
“พงศ์กวิน” ได้รับแต่งตั้งเป็น ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม ให้กับ “สุริยะ” เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต่อมาได้เป็น รมว.แรงงาน ในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ ช่วงที่พรรคภูมิใจไทย ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล และมีการปรับครม.ใหม่
การเป็นรองหัวหน้าพรรค“พงศ์กวิน” ได้มีโอกาสทำงานใกล้ชิดกับผู้บริหารพรรค มีผลงานเรื่องการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงประชาชน รวมถึงการทำหน้าที่ดูแล สมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) และได้รับการวางตัวให้เป็นผู้ดูแลการเลือกตั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ของพรรคด้วย
เขาเคยแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ต่อ ป.ป.ช. และได้รับการเปิดเผยตอนที่พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เมื่อปี 66 ว่า มีทรัพย์สิน 279 ล้านบาท หนี้สิน 8 ล้านบาท
ในทางธุรกิจ เป็นที่รู้กันว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นคนสำคัญของ บริษัท ซัมมิทสตาร์โฮม จำกัด ผู้ผลิตรองเท้า "แอโร่ซอฟต์" ซึ่งเป็นบริษัทที่พ่อของเขาก่อตั้งขึ้น เมื่อประมาณ 40 กว่าปีที่แล้ว
ซึ่งรองเท้า “แอโร่ซอฟต์” เป็นที่รู้จักและติดตลาด ก็เพราะเจ้าของ “ใจป้ำ” เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ ทุ่ม 310 ล้าน ซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ฟุตบอลยูโร 2024 ให้คนไทยได้ดูฟรีกันทางช่อง NBT ก่อนเริ่มการแข่งขันเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ตอนนั้นใครๆ ก็ได้ยินเสียงเพลง “เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟต์ เชียร์ยูโร แอโร่ซอฟต์…”
พรรคเพื่อไทย จะมีการประชุมใหญ่ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 31 ต.ค.นี้ ต้องติดตามกันว่า ความเป็น “จึงรุ่งเรืองกิจ” จะมีแรงส่งให้ “พงศ์กวิน” ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่
ถ้าได้ “จึงรุ่งเรืองกิจ” ก็จะคุมทั้ง พรรคแดง พรรคส้ม !!


