ส.ส.พท. มองกม.ประชามติประกาศใช้ เป็นผลดี กมธ.แก้รธน. มีเวลาทำงานรอบคอบ เผยมติที่ประชุมยึดกรอบเวลาเดิม ส่งรัฐสภาโหวตวาระสอง 18-19พ.ย.
วันนี้ (22ต.ค.) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ รัฐสภา กล่าวถึงกรณีที่พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 มีผลบังคับใช้ ในวันนี้ (22 ต.ค.) ว่า เป็นผลดีกับการทำงานของกมธ. เพราะทำให้กมธ.มีเวลาพิจารณาเนื้อหาได้รอบคอบมากขึ้น ทั้งนี้ในการประชุมกมธ. ได้ยกประเด็นขึ้นมาหารือพร้อมกับกรอบไทม์ไลน์การทำงาน เห็นว่าจะยึดกรอบการทำงานเดิม เพื่อเร่งรัดการทำงานให้เสร็จ และจะเสนอร่างแก้ไขให้ที่ประชุมรัฐสภา ในช่วงการประชุมสมัยวิสามัญ วันที่ 18-19 พ.ย. นี้ และหลังจากนั้นต้องพักไป 15 วัน ก่อนจะกลับมาโหวตในวาระสาม ในช่วงต้นเดือนธ.ค. เมื่อสภาเปิดสมัยประชุมแล้ว ดังนั้นหากเป็นไปตามกำหนด จะทำให้การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เป็นไปในวันเดียวกันกับวันเลือกตั้ง 29 มี.ค. 69 เพราะมีระยะเวลาเพียงพอตามที่กฎหมายประชามติกำหนดกรอบเวลา ท่ีว่า ไม่เร็วกว่า 60 วัน แต่ไม่เกิน 150 วัน
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่าในการทำงานของกมธ. ได้ตั้งคณะทำงานสรุปประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาจัดทำข้อเสนอแต่ละประเด็นส่งให้กมธ.พิจารณา เช่น ผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ว่ามีที่มาอย่างไร และจะทำข้อเสนอเป็นทางเลือก อย่างไรก็ดีในรายละเอียดที่มีอยู่ในฉบับของพรรคประชาชน ที่ใช้เป็นร่างหลัก แต่สามารถปรับได้ หากกมธ.เสียงข้างมากเห็นชอบตามข้อเสนอในรูปแบบอื่น
“กับประเด็นที่คณะทำงานต้องพิจารณา มีไม่มากนัก เช่น รูปแบบ ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่ต้องพิจารณาข้อสุ่มเสี่ยงขัดคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เพราสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง รวมถึงการบรรจุเนื้อหาสาระ เงื่อนไขสำคัญ นอกจากนั้นคือ กรอบเวลาของการจัดทำ ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และขั้นตอนการเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญที่สภาร่างรัฐธรรมนูญทำแล้วเสร็จ โดยคณะทำงานจะนัดประชุมหารือในวันที่ 28 ต.ค. นี้ ก่อนจะเสนอให้กมธ.พิจารณาเนื้อหาครั้งถัดไป ที่นัดประชุมในวันที่30 ต.ค.” นพ.ชลน่าน กล่าว