มติเอกฉันท์ ศาล รธน.ชี้ 2 มาตรา พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ “แส จิ้นเจียง” จีนเทาเจ้าของบ่อนอ้าง ไม่ขัด รธน.
วันนี้ (22 ต.ค.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัย ว่า พ.ร.บ. ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 2551 มาตรา 19 วรรคหนึ่ง (2)(3) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม และมาตรา 21 วรรคสอง ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 มาตรา 27วรรคหนึ่ง วรรคสาม และมาตรา 29 วรรคสอง นอกจากนี้ มาตรา 21 วรรคสาม ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 26 วรรคหนึ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่งและวรรคสาม
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากศาลอทธรณ์ส่งคำโต้แย้งของ นายแส จี้นเจียง หรือ SHE Zhijiang ผู้ถูกร้อง ในคดีหมายเลขดำ ที่ผด 1/2567 หมายเลขแดงที่ พ.ศ.3494/2568 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ว่า พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 19 และมาตรา 21 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 4, 5, 25, 26, 27 และ 29 หรือไม่ ซึ่งศาลฯเห็นว่านายแส จี้นเจียง ผู้ถูกร้องขอเป็นบุคคลต่างด้าว แต่ได้รับความคุ้มครองศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 วรรคหนึ่ง จึงมีสิทธิที่จะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 212 ได้ และได้มีคำวินิจฉัยดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ ศาลอาญาได้มีคำสั่งในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องขอให้ส่งตัว นายแส จิ้นเจียง เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามคำร้องขอของรัฐบาลจีน โดย นายแส จิ้นเจียง ถูกกล่าวหาว่าเปิดเว็บไซต์การพนัน รวมทั้งบ่อนกาสิโนที่สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สร้างความเสียหายมากกว่า 150 ล้านหยวน หรือประมาณกว่า 700 ล้านบาท แต่นายแส จิ้นเจียงก็ขอใช้สิทธิยื่นร้องประเด็นข้อกฎหมายดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ
โดยสาระของ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน 2551 ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ระบุว่า มาตรา 19 เมื่อศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่ามีเหตุดังต่อไปนี้ให้ศาลมีคำสั่งขังบุคคลนั้นไว้เพื่อส่งข้ามแดนต่อไป
(2) คดีมีมูลที่จะรับฟ้องไว้พิจารณา หากความผิดนั้นได้กระทำลงในราชอาณาจักรหรือมีกฎหมายบัญญัติให้ ถือว่าได้กระทำในราชอาณาจักร และ
(3) ความผิดซึ่งเป็นเหตุให้ร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้น เป็นความผิดซึ่งอาจส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ตาม พระราชบัญญัตินี้และมิใช่เป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหารโดยเฉพาะ
มาตรา 21 เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยหรือขังบุคคลเพื่อส่งข้ามแดนแล้วพนักงานอัยการหรือบุคคลนั้น อาจยื่นอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวไปยังศาลอุทธรณ์ภายในระยะเวลาสามสิบวันนับแต่วันที่ศาลได้อ่านคำสั่งนั้น
ในการพิจารณาอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคำคัดค้านเฉพาะเหตุที่ให้ศาลมีคำสั่งตามที่กำหนดไว้ใน มาตรา 19 โดยพิจารณาว่าศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งไปโดยมีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด