“ธีระชัย” ยื่นประธานสภา เสนอ 6 มาตรการเด็ด ปรามสแกมเมอร์ ชงหยุดค้าพลังงาน-ทองคำ กับกัมพูชา ยกระดับบัญชีม้าเป็นภัยความมั่นคง ใช้มาตรการทางเศรษฐกิจแทนการทูตแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
วันนี้ (22 ต.ค.) นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร รับยื่นหนังสือจาก นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เสนอแนวทางเชิงนโยบายเพื่อป้องกันและปราบปรามธุรกิจสแกมเมอร์ หลังมีรายงานจากนานาชาติว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะบริเวณรอบประเทศไทย ได้กลายเป็นศูนย์กลางสแกมโลก สร้างความเสียหายมหาศาลทั่วโลก
นายธีระชัย กล่าวว่า สหรัฐอเมริกามีประชาชนได้รับผลกระทบจากขบวนการสแกมเมอร์ในอาเซียน คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.2 แสนล้านบาท ขณะที่ไทยมีความเสียหายปีละนับแสนล้านบาท และสหรัฐฯ ยังอายัดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับ GDP ของประเทศกัมพูชา จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเชิงรุกแบบครบวงจรผ่านประเทศไทย โดยใช้มาตรฐานสากลในการดำเนินการ
ดังนั้น ตนมีข้อเสนอเชิงรุกในการปรามสแกมเมอร์ 6 ข้อ คือ 1. หยุดการค้าพลังงานกับกัมพูชา ทั้งน้ำมันและไฟฟ้า จนกว่าศูนย์สแกมเมอร์จะหมดไป พร้อมชี้ว่า ไทยขายน้ำมันให้กัมพูชาเพียง 0.5% ของการส่งออกทั้งหมด และยังหาตลาดอื่นทดแทนได้ 2. ตรวจสอบการค้าทองคำ กัมพูชาซื้อทองจากไทยปีละกว่า 1 แสนล้านบาท และปีนี้ภายใน 7 เดือน มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้น อาจเกี่ยวข้องกับ “การฟอกเงิน” 3. แซงชันบุคคลต้องสงสัย ใช้มาตรฐานสากลห้ามเดินทางเข้าประเทศ และขับออกทันทีหากอยู่ในไทย
4. อายัดทรัพย์และยึดคืนเยียวยาประชาชน ดำเนินการร่วมกับรายชื่อจากต่างประเทศ หากพบว่ามีความผิดจริง 5. ระงับการโอนเงินระหว่างไทย-กัมพูชา สั่งระงับชั่วคราวการโอนเงินทุกรูปแบบจากธนาคารในไทยไปกัมพูชา เพื่อสกัดทุนหมุนเวียนของเครือข่าย และ 6. ยกระดับ “บัญชีม้า” เป็นภัยความมั่นคง ให้ธนาคารพาณิชย์ร่วมมือคัดกรองและป้องกันอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กระทบผู้บริสุทธิ์และลดภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน
นายธีระชัย กล่าวว่า รัฐบาลไทยที่ผ่านมาใช้แต่กลไกการทูต ซึ่งไม่เพียงพอในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ จึงเสนอให้ใช้ “มาตรการทางเศรษฐกิจ” อย่างจริงจัง โดยทั้ง 6 ข้อสามารถดำเนินการได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการใหม่
ด้าน นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังรับหนังสือ ว่า ข้อเสนอของนายธีระชัย มีมิติที่สำคัญทั้งระดับ ภาพใหญ่ และภาพเล็ก”โดยเฉพาะผลกระทบต่อประชาชนที่ถูกแก๊งสแกมเมอร์หลอกจนสูญรายได้ จึงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรร่วมกันผลักดันให้เกิดมาตรการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและประชาคมโลก