หน.ไทยก้าวใหม่ ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ น่าน–อยุธยา เผยแม่น้ำน่านเปลี่ยนเส้นทางไหล ชี้ต้องแก้ทั้งระบบ เสนอสร้างระบบป้องกันน้ำทะเลหนุนปากน้ำเจ้าพระยา แก้ปัญหาท่วม–แล้ง อย่างยั่งยืน ย้ำน้ำท่วมคือวิกฤตชาติ พรรคพร้อมแก้เต็มที่
นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ เปิดเผยว่า ตนได้ลงพื้นที่ตำบลปลือ อำเภอเชียงกลาง จ. น่าน เพื่อรับฟังปัญหาประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะปัญหาน้ำท่วมใหญ่ของ จ.น่านที่ผ่านมา ซึ่งจากข้อมูลพบว่า แม่น้ำน่านย้ายที่แล้ว ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดมาก่อน โดยย้ายเข้าไปกินพื้นที่การเกษตร พื้นที่ทำนา แล้วจะย้ายไปเรื่อยๆ เหตุการณ์เช่นนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในช่วงชีวิตของคนน่าน น้ำท่วม จ.น่าน เป็นเรื่องใหญ่ เพราะแม่น้ำย้ายการไหล ซึ่งประเทศไทยจะเสียหายหากปล่อยไว้เช่นนี้
“โดยส่วนตัวตกใจ สำหรับวิศวกรที่ทำเรื่องดินเรื่องน้ำ เพราะปรากฏการณ์เช่นนี้ต้องไปดูในพื้นที่แปลกๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในจังหวัดน่าน ซึ่งแม่น้ำน่านได้ย้ายแล้วทุกคนไม่กลัวหรือไร ตัวอย่างที่เห็นแม่น้ำเจ้าพระยาก็ยังไม่มีโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนจากปากแม่น้ำเลย ดังนั้นกรุงเทพหากไม่ทำอะไร ซึ่งเมื่อตนมารับฟังปัญหาและทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แล้วแต่เห็นแล้วก็คับแค้นใจเพราะปัญหาที่บอกแก้ได้หมด เนื่องจากต่างประเทศเจอหนักมาแล้ว แต่แก้ไขแล้ว เหลือแต่ประเทศไทย ที่มีเทคโนโลยี 5G และอวกาศแต่ยังไม่ทำ” นายสุชัชวีร์กล่าว
นายสุชัชวีร์ยังได้เปิดเผยอีกว่าตนเองได้ลงพื้นที่ร่วมกับ พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ไปติดตามสถานการณ์อุทกภัย ในพื้นที่ "อำเภอบางบาล" จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยตนเองได้นำสิ่งของอุปโภคบริโภค ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย ร่วมกับกองบัญชาการกองทัพไทยเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยเหลือเบื้องต้นแล้ว ขณะที่ ทางกองบัญชาการกองทัพไทย ได้นำรถประกอบอาหารปรุงสุกใหม่และชุดแพทย์เคลื่อนที่ไปให้บริการทางการแพทย์ด้วย เพราะมีผู้ป่วยติดเตียง ไม่สะดวกในการเดินทาง เนื่องจากน้ำท่วมสูง บางจุดท่วมถึงหลังคาบ้าน
นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาตอนนี้ มีมากถึง 12 อำเภอ ใน 16 อำเภอ โดยเฉพาะที่อำเภอบางบาล น้ำท่วมถึง 3 เมตร โดยบ้านผู้ประสบภัยบางรายนั้นต้องนั่งเรือเข้าไป แม้บ้านจะยกสูงแล้ว แต่น้ำก็ยังท่วมถึงพื้นบ้าน และทุกคนต้องอยู่กับน้ำตลอดเวลา พร้อมมีผู้ป่วยติดเตียงอยู่ด้วย
นอกจากนี้ตนยังได้รับฟังปัญหาจากเจ้าของบ้านน้ำท่วมนานหลายเดือน โดยมีการตัดพ้อว่าทำไมต้องให้อยุธยาเป็นพื้นที่รับน้ำทุกปี ปีนี้ปีเดียวน้ำท่วมมาแล้วถึง 3 ครั้ง หากนับถึงปลายปี หมายถึงน้ำท่วมรวมเกือบครึ่งปี ได้เงินชดเชยเท่าไรก็ไม่คุ้ม ซึ่งตนเองเห็นว่านโยบายที่ให้อยุธยาเป็นพื้นที่รับน้ำควรจะต้องทบทวนได้แล้ว และที่สำคัญคือต้องแก้ทั้งระบบ โดยเฉพาะระบบป้องกันน้ำทะเลหนุนที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่แม้จะต้องลงทุนสูงแต่จะสามารถแก้ปัญหาน้ำได้อย่างยั่งยืน จัดการได้ทั้งน้ำท่วม น้ำแล้ง และน้ำหนุน ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
"พรรคไทยก้าวใหม่พร้อมผลักดันการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เป็นวิกฤตชาติอย่างสุดความสามารถ” นายสุชัชวีร์กล่าว