"บิ๊กเล็ก" ลงนามตั้งคณะกรรมการกลาโหม ศึกษา MOU 43-44 ยกเลิก-คงอยู่-ปรับปรุง มี "บิ๊กโบ้- บิ๊กจุ๋ม- บิ๊กนัต" ร่วม ด้าน พล.อ.อักษรา เผยขอฟังความเห็นจากที่ปรึกษาทุกคน เพื่อเดินหน้าศึกษา ย้ำเป็นเพียงกลุ่มคนเล็กๆ มาช่วยกัน ตนโชคดีที่คณะมีคนที่เคยทำงานพื้นที่จริงและมีความรู้ความสามารถ เพื่อนำผลศึกษาไปประกอบข้อมูลหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง
วันนี้(21 ต.ค.) มีรายงานว่า พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ลงนามคำสั่งกระทรวงกลาโหม เรื่องแต่งตั้งคณะทํางานกระทรวงกลาโหม เพื่อศึกษาบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย กับ รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยที่รัฐบาลมีนโยบายให้ทบทวนความเหมาะสมของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน ว่าสมควรคงอยู่ต่อไป ยกเลิก หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อประโยชน์ในการจัดทำหลักเขตแดนทางบก และการกำหนดแนวเขตทางทางทะเลระหว่างราชอาณาจักรไทย และราชอาณาจักรกัมพูชา โดยสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักการอยู่ร่วมกันอย่างฉันท์มิตร
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจึงมีคำสั่ง ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้จัดตั้ง "คณะทำงานกระทรวงกลาโหม เพื่อศึกษาบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา" เรียกโดยย่อว่า "คณะทำงานศึกษาบันทึกความเข้าใจ“ ประกอบด้วย
1. พล.อ. อักษรา เกิดผล ประธานคณะทำงานฯ รองประธานคณะทำงานฯ
2. พล.ร.อ. จุมพล ลุมพิกานนท์ ร.น. คณะทำงานฯ
3. พล.อ.อ. มานัต วงษ์วาทย์ คณะทำงานฯ
4. พล.อ.รศ.ดร. พีรพล สงนุ้ย คณะทำงานฯ
5. พล.ร.ท. ศิริชัย เนยทอง ร.น. คณะทำงานฯ
6. น.อ.ผศ. สมาน ได้รายรัมย์ ร.น. คณะทำงานฯ
7. น.ท.ศ.ดร.สราวุฒิ สุจิตจร คณะทำงานฯ
8. พ.ท.ผศ.ดร.สรวิศ สุภเวชย์ คณะทำงานฯ
9. นายทรงชัย ชัยปฏิยุทธ คณะทำงานฯ
10. นายภูมิพิชัย ธารดำรงค์ คณะทำงานฯ
11. นายภัทรพงษ์ แสงไกร คณะทำงานฯ
12.นายสุวันชัย แสงสุขเอี่ยม คณะทำงานฯ
13.พล.ท.ชาคร บัญภักดี เลขานุการฯ
14.พล.ร.ท.ยอดรัก ศิลปะดุริยางค์ ร.น. ผู้ช่วยเลขานุการฯ
ข้อ 2 ให้คณะทำงานศึกษาบันทึกความเข้าใจมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้
(1) ศึกษาความเป็นมา เหตุผลความจำเป็นในการจัดทำ เนื้อหาสาระของบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบก และบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทย และกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน รวมตลอดทั้งประเมินผลการดำเนินการที่ผ่านมาที่มีต่อการรักษาอธิบไตยของชาติ บูรณภาพแห่งดินแดน และผลประโยชน์แห่งชาติ ทั้งนี้ ให้คำนึงถึงบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละห้วงเวลาที่ผ่านมาด้วย
(2) จัดทำบันทึกรายรายผลการศึกษา และข้อเสนอแนะต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าบันทึกความเข้าใจแต่ละฉบับนั้นสมควรคงอยู่ต่อไป ยกเลิก หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยชี้แจงเหตุผล ข้อดี ข้อด้อย ในแต่ละแง่มุม ความสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกฎหมาย ภายในของราชอาณาจักรไทยให้ชัดเจน
(3) เสนอแนะแนวทางและวิธีการที่เหมาะสมในการเผยแพร่และสื่อสารข้อมูลรายงานผลการศึกษารวมทั้งข้อเสนอแนะต่อประชาชนทั่วไปทราบโดยวิธีการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมในการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนแต่ละกลุ่ม
(4) ปฏิบัติงานอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมมอบหมาย
ข้อ 3 ให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพสนับสนุนคณะทำงานศึกษาบันทึก ความเข้าใจตามที่ได้รับการร้องขอ ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
สั่ง ณ วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ด้าน พลเอก อักษรา เกิดผล ประธานคณะทำงานศึกษาบันทึกความเข้าใจฯ เปิดเผยว่า ต้องฟังความเห็นจากคณะทำงานทุกคนให้ครบก่อน เพราะเป็นผู้ที่มีความรู้ และ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นผู้ที่เคยทำงานจริงในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นกรมอุทกศาสตร์ทหารเรือ กรมแผนที่ทหาร นับว่าเป็นโชคดีที่ตนมีผู้เชี่ยวชาญ อยู่ร่วมเป็นคณะทำงาน แต่ขั้นต้นอยากให้ฟังจากที่ วปอ.จะมีการพูด
ในเรื่องนี้ เนื่องจากสังคมยังมีทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง ทุกคนอยากรู้ข้อดีและเสีย ของการคงอยู่หรือยกเลิก ที่ยังเป็นประเด็นอยู่ การที่มาทำงานในคณะนี้ ถือว่าเป็นการมาช่วยกัน เป็นเรื่องดีที่จะได้ช่วย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ,นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย, ช่วยสังคม และช่วยประเทศชาติ เพื่อหาทางออกให้กับประเทศ
อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวก็อยู่ในรัฐสภา ที่อำนาจโดยตรง คณะทำงานของตน เป็นเพียงกลุ่มคนเล็กๆ มาช่วยกันเท่านั้น แค่ศึกษาและเป็นคณะสุดท้าย ที่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากมีคณะอื่นๆ ศึกษามาเยอะแล้ว โดยคณะของตนจะเป็นเพียงคณะหนึ่งที่จะเป็นความเห็น ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจาณาอีกครั้งเพื่อมา ประกอบกับข้อมูลของหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว เพื่อเสนอครม.ในนายกรัฐมนตรีตกลงใจอีกครั้งหนึ่ง