“ศศินันท์” จี้แก้ ม.3 ร่างกม.สันติสุข ให้รวมต่ำกว่า 18 ปี ในคดี ม.112 อย่าปล่อยคนรุ่นใหม่ติดคุกเพราะเห็นต่าง “ชัยธวัช” เสนอนิรโทษ ม.112 แบบมีเงื่อนไข สร้างจุดสมดุลระหว่างความกังวลกับการให้อภัย ย้ำหากกีดกันคดีนี้จะยิ่งบ่มความขัดแย้งในสังคม
วันนี้(21 ต.ค. ) ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯได้พิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระ2 และ3
โดยในมาตรา 3 ที่บัญญัติว่า“กฎหมายฉบับนี้ มิให้ ใช้บังคับแก่บุคคลที่กระทำความผิดหรือถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดอันมีสาเหตุมาจากการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกใด ๆ อันมีมูลเหตุมาจากความขัดแย้งหรือแรงจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2548 ถึงวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568”
น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการผู้สงวนคำแปรญัตติ เสนอให้รวมการนิรโทษกรรมคดีม.112 กับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยกล่าวว่า การกำหนดในมาตรา3 เหมือนเป็นการล็อคเอาไว้ให้ นิรโทษกรรมเฉพาะ คนบางกลุ่มเท่านั้น ตนอยากฝากสส.ว่ายังมีผู้ต้องขังทางการเมืองอีกหลายคนที่รออยู่ข้างนอกและมีเสียงวิจารณ์มากว่าการผ่านกฎหมายฉบับนี้โดยไม่แตะมาตรา3 จะเป็นการนิรโทษกรรมให้กับคนบางกลุ่มหรือไม่ หรือละทิ้งผู้ต้องขังทางการเมืองบางกลุ่มหรือไม่ ซึ่งในชั้นสภา และชั้นกรรมาธิการมีการถกเถียงประเด็นคดี112 กันมาก แต่ตนขอความเห็นใจว่ามีความจำเป็นยิ่งที่เราต้องแก้ไขในมาตรานี้ โดยเพิ่มบรรทัดท้ายตามที่ตนเสนอความเห็นเพื่ออย่างน้อยเรายังสามารถปลดพันธนาการให้กับคนอายุต่ำกว่า 18 ปีได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตปกติ กลับมาเรียนหนังสือหรือประกอบอาชีพตามปกติได้ และยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อมาตราอื่น
น.ส.ศศิกานต์กล่าวว่าส่วนที่บางคนกังวลว่าหากปลดล็อคในส่วนของเยาวชนแล้วจะมีผลให้มีการนิรโทษกรรมทันทีหรือไม่ ตนขอชี้แจงว่าจะต้องมีการเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการอยู่ดี ดังนั้นไม่อยากให้มีความกังวลหรือกลัวจนเกินไป และหากยึดตามหลักสากลเราก็มีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่มีการระบุว่าไม่ควรดำเนินคดีกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี หากมีการโหวตตามที่ตนเสนอก็จะเป็นผลดีกับสภา และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กัประเทศไทยในอนาคต จึงความกล้าหาญกับสส.อีกสักครั้ง
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ที่สงวนคำแปรญัตติ เสนอให้แก้ไขในมาตรา 3 ว่า ”ภายใต้บังคับมาตรา 6 พระราชบัญญัติฉบับนี้มิให้มีผลนิรโทษกรรมแก่การกระทำความผิดฐานทุจริต หรือประพฤติมิชอบการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เฉพาะกรณีที่ผู้กระทำความผิดไม่ยอมรับมาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำตามที่คณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุขกำหนดการ กระทำความผิดที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หรือได้รับอันตรายสาหัส และการกระทำความผิดต่อส่วนตัวหรือที่เป็นการกระทำที่ต้องรับผิดต่อบุคคลใด ที่ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐเป็นการเฉพาะรายหรือเฉพาะกลุ่ม“
ทั้งนี้นายชัยธวัชกล่าวว่า จากที่ผ่านมาตนพยายามพูดคุยกับหลายคนที่มีความเห็นแตกต่างกันกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ และกลุ่มบุคคลที่ออกมาแสดงออกทางการเมืองและถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 โดยจำนวนมากมีความเข้าใจมากขึ้น และไม่ปฏิเสธเสียทีเดียวว่าการปรองดองสร้างเสริมสังคมสันติสุข ให้อภัยกันด้วยการนิรโทษคดี 112 เพียงแต่เขากังวลว่าเมื่อมีการนิรโทษกรรม แล้วบุคคลเหล่านี้ออกมาจะกลับมาแสดงออกทางการเมืองในสิ่งที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วยอีกหรือไม่ จึงเป็นที่มาให้เสนอนิรโทษกรรมแบบมีเงื่อนไข จึงเชื่อว่ามาตรการนี้เป็นความพยายามที่สุดที่จะหาจุดตรงกลางที่เข้าใจทุกฝ่ายทั้งฝ่ายที่มีความกังวล และฝ่ายที่ถูกดำเนินคดี เพื่อทำให้การนิรโทษกรรมตามกฎหมายนี้ สามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดที่บอกว่าจะสร้างเสริมสังคมสันติสุขได้อย่างแท้จริง
”ผมยังเชื่อว่าหากมีการนิรโทษกรรมครั้งนี้ให้ความสนใจและขีดเส้นแต่กับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกันในอดีต แต่กีดกันการดำเนินคดีทางการเมืองที่มีนัยยะสำคัญที่สุดในปัจจุบันและอาจจะเกิดขึ้นในอนาคตออกไป จะทำให้กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ แต่อาจจะกลายเป็นบ่มบาดแผล และความขัดแย้งในสังคมไทยในปัจจุบันเอาไว้ให้บาดลึกมากยิ่งขึ้น และอาจจะกดดัน ให้เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมไทยในอนาคตได้“
นายชัยธวัชกล่าวว่าต้องยอมรับว่าช่วง5 ปีที่ผ่านมา การดำเนินคดีม. 112 กลับเกิดขึ้นอีกครั้งในอัตราสูง และมีความผิดปกติในกระบวนการยุติธรรมจำนวนมาก และปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดขึ้นหลังจากที่มีกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาแสดงออกทางการเมือง จนนำไปสู่การดำเนินคดี แต่หากเราพยายามทำความเข้าใจจะเห็นว่าเหล่านี้เป็นเพียงปลายเหตุ และผลสะท้อนถึงความไม่พอใจของพวกเขาต่อสิ่งที่คนรุ่นเก่าได้สร้างไว้ให้กับการเมืองไทย และส่งมอบเป็นมรดกให้กับพวกเขา ดังนั้นการที่หลายฝ่ายบอกว่าอยากให้เกิดการยุติการแสดงออกที่น่ากังวลและสร้างความไม่สบายใจ และไม่อยากเห็นการดำเนินคดีตามม. 112 จนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมืองอีก ทางออกในเรื่องนี้เป็นภาระของพวกเราทุกคนที่จะช่วยทำให้การเมืองไทยภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนี้เข้ารูปเข้ารอยอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ใช่ไปหาทางออกด้วยการลงทัณฑ์คนรุ่นใหม่เหล่านี้
นายธวัชกล่าวว่าตนขอเชิญชวนสส.ทุกคนวันนี้ ว่าเราร่วมกันเปลี่ยนอนาคตได้ และร่วมกันสร้างเสริมสังคมสันติสุขได้ ด้วยการทำให้สังคมไทยน่าอยู่ สามารถอยู่ร่วมกันได้แม้จะมีความเห็นแตกต่างกันอย่างสันติ จึงเสนอให้ นิรโทษกรรมคดีม.112 อย่างมีเงื่อนไข หรืออย่างน้อยก็เห็นด้วยกับให้พิจารณานิรโทษกรรมคดี112 ให้แก่เยาวชนต่ำกว่า 18 ปี อยากให้สส.ใช้มโนธรรมสำนึก และความกล้าหาญ ความผิดชอบชั่วดีแสวงหาสันติสุขอย่างแท้จริง