xs
xsm
sm
md
lg

สภาเริ่มถกร่าง กม.นิรโทษฯ “ณัฐวุฒิ ” แจง กมธ.ปรับหลายมาตราหวังครอบคลุมทุกฝ่ายทุกสี ล้างประวัติอาชญากรรมผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สภาเริ่มถกร่าง กม.นิรโทษกรรม “ณัฐวุฒิ ” แจง กมธ.ปรับหลายมาตรา หวังครอบคลุมทุกฝ่าย ทุกสี ทุกกลุ่มการเมือง เพิ่มฐานความผิด ล้างประวัติอาชญากรรมผู้เคลื่อนไหวทางการเมือง ย้ำ “ไม่มีใครได้ทั้งหมด–เสียทั้งหมด” เพื่อสังคมปรองดอง


วันที่ 21 ต.ค.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ... ซึ่ง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นประธาน กมธ. ได้พิจารณาแล้วเสร็จในวาระสอง

โดยนายณัฐวุฒิ นำเสนอรายงานต่อที่ประชุมสภาฯ ตอนหนึ่งว่า การทำงานของกมธ. ได้พิจารณาขยายพื้นที่การนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมทุกกลุ่มบุคคล ทุกกลุ่มการเมือง ผู้เคลื่อนไหวท่ีมีแรงจูงในจทางการเมือง ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาให้มากที่สุด โดยอยู่ในกรอบหลักการของร่างพ.ร.บ. ทั้ง3 ฉบับที่สภารับหลักการวาระแรก ทั้งนี้กมธ.ได้แก้ไขเนื้อหาหลายมาตรา เช่น การนิรโทษกรรมคดีอาญา เสนอเพิ่มความผิดพินัย ให้ชัดเจน ครอบคลุมมากขึ้น กรณีความผิดทางแพ่ง กมธ.เห็นชอบให้ยุติบังคับคดีทางแพ่ง ส่วนการคืนเงิน ทรัพย์สินที่ถูกยึดหรืออายัดนั้นตัดออก

สำหรับองค์ประกอบของกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข ได้ปรับให้ให้มี นายกรัฐมนตรี หรือรองนายกฯที่นายกฯมอบหมายเป็นประธาน และมีรมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นกรรมการ ปลัดสำนักนายกฯ เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีองค์ประกอบที่มาจากภาคประชาชจผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ที่เสนอชื่อจากวิปรัฐบาล มติวิปฝ่ายค้าน และการเสนอชื่อจากประธานสภา พร้อมกับปรับบทบาทของกรรมการให้ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งนี้ได้ปรับให้ กรรมการ นัดประชุมครั้งแรกภายใน 30 วันนับจากที่กฎหมายบังคับใช้ เพราะมองว่าการลบเลือน เยียวยาบาดแผล การทำงานของกรรมการไม่ควรช้า

นายณัฐวุฒิ ชี้แจงต่อว่ามีประเด็นที่พูดถึงต่อกรณีของเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งทำผิดกฎหมาย ที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ความขัดแย้งทางการเมือง กมธ.ได้เพิ่มให้มีสิทธิเสนอเรื่องทำสู่กรรมการ เพื่อขอเข้ากระบวนการรอการกำหนดโทษ หากกรรมการเห็นชอบ ส่งเรื่องไปที่พนักงานอัยการ หากเรื่องอยู่ในชั้นอัยการพิจารณาได้ หากอยูในั้นศาลจะถูกส่งเรื่องให้พิจารณาเป็นรายกรณี ทั้งนี้ไม่ได้เติมหรือเพิ่มอำนาจให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร แทรกแซงฝ่ายตุลาการ แต่เป็นไปภายใต้กรอบกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญาเด็ก และเยาวชน ที่มีบทบัญญัติกำหนดไว้ ซึ่งกมธ.นำมาเขียนให้ชัดและให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเป็นรายกรณี โดยมีเงื่อนไข และวิธีการ ที่ผู้ที่ประสงค์เข้ากระบวนการอการกำหนดโทษรับปฏิบัติต่อไป

“ในบัญชีแนบท้ายของร่างพ.ร.บ. จากเดิมเสนอ 12 ฐานความผิด กมธ. พิจรณาหารือและแสวงหาข้อมูลจากรอบด้าน ได้ขยายเพิ่มฐานความผิดที่ได้รับนิรโทษกรรม อีกหลายฐานความผิด เพื่อครอบคลุมให้กว้างขวางที่สุด และแน่ใจวาการพิจารณาของกรรมการตามกฎหมาย น่าจะยื่นโอกาส และความพยายามเยียวยาบาดแผลจากความขัดแย้งไปสู่ทุกกลุ่ม ทุกค่าย ทุกสีได้” นายณัฐวุฒิ ชี้แจง

ประธานกมธ. ชี้แจงต่อสภาฯ ด้วยว่า สำหรับคนที่เคลื่อนไหวและต่อสู้ทางการเมืองที่คดีเดินเร็ว ถูกพิพากษาจำคุก เช่น คนเสื้อแดง กมธ. เห็นชอบให้เพิ่มบทลบล้างประวัติอาชญากรรม ล้างให้ทุกขั้นตอนและจากหน่วยงาน ให้เป็นผู้ไม่เคยทำผิด ไม่เคยถูกดำเนินคดี ไม่เคยต้องโทษจากความเคลื่อนไหวขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเรื่องดังกล่าวใครไม่เจอไม่เข้าใจ เพราะมีผลกระทบต่อชีวิต เพราะมีประวัติถูกบันทึกไว้ในแฟ้มอาชญากรรม

“การออกกฎหมายฉบับนี้ มีกมธ.พิจารณา 32 คน ซึ่งการทำกฎหมายไม่ได้ทำให้ความเชื่อทางการเมืองของแต่ละฝ่ายสลายลงไปได้ แต่สิ่งที่จะบอกสังคม คือกมธ.พูดคุยกันได้ และมีวิธีหาคำตอบสุดท้าย เพื่อให้งานสำเร็จ โดยไม่ปรากฎขัดแย้งจนคุยไม่ได้ ไม่มีวอร์กเอาท์ เสนอนับองค์ประชุม หรือทำให้การทำงานของกมธ.เดินหน้าไม่ได้ ทั้งนี้การทำหน้าที่ของกมธ. ไม่มีใครได้ทั้งหมด และไม่มีใครเสียทุกอย่าง แต่ละกลุ่มแต่ละฝ่ายมีเป้าหมายประเด็นข้อเสนอของตัวเอง ในที่สุดแล้วตามร่างกฎหมายมีได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่การทำงานสามารถทำมาจนขอความเห็นชอบจากสภาร่วมกันได้” ประธานกมธ.ชี้แจง

จากนั้นได้เข้าสู่การพิจารณารายมาตรา วาระสอง โดยช่วงหนึ่ง นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย แจ้งต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ไม่ขอร่วมพิจารณาร่างกฎหมายเนื่องจากเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมืองมาหลายครั้งและมีคดีติดตัว ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกฎหมายนั้นบริสุทธิ์ และไม่ถูกมองว่าเป็นการผ่านร่างกฎหมายเพื่อตนเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น