กมธ.สาธารณสุข วุฒิสภา จี้ สปสช.รับผิดชอบปัญหาค้างจ่ายงบ รพ. หลังสภาพคล่องวิกฤตทั่วประเทศ ชี้ระบบงบปลายเปิด ทำโรงพยาบาลวางแผนการเงินไม่ได้ ต้องสำรองจ่ายเองจนขาดทุนสะสม เสนอ 4 มาตรการเร่งด่วน พร้อมตั้งอนุกมธ.ศึกษาตรวจสอบเชิงระบบ
วันนี้( 21 ตุลาคม 2568 ) คณะกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา นำโดย นายประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ประธานคณะกรรมาธิการฯ แถลงข่าวขอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.)แสดงความรับผิดชอบต่อปัญหาการค้างจ่ายงบประมาณให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ หลังเกิดวิกฤตสภาพคล่อง กระทบสิทธิประชาชน ว่า คณะกรรมาธิการมีความห่วงใยอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ที่โรงพยาบาลของรัฐทั่วประเทศประสบภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน เนื่องจากความล่าช้าและความไม่ชัดเจนในการเบิกจ่ายงบประมาณของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดบริการ การจัดซื้อยา เวชภัณฑ์ และการบริหารค่าตอบแทนบุคลากรทางการแพทย์อย่างกว้างขวาง
ประเด็นสำคัญที่ได้รับข้อร้องเรียนจากหลายโรงพยาบาล คือ ระบบบริหารงบประมาณของ สปสช. ที่ยังคงใช้แนวทางงบประมาณแบบปลายเปิด ซึ่งเป็นการจัดสรรและคำนวณงบประมาณย้อนหลังหลังสิ้นปีงบประมาณ ทำให้หน่วยบริการไม่สามารถวางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องรับภาระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าโดยไม่ทราบจำนวนเงินที่จะได้รับจริง ส่งผลให้หลายโรงพยาบาลประสบภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงินและเกิดผลขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สปสช. ได้ออกมาชี้แจงว่า ข้อมูลยอดค้างจ่ายของโรงพยาบาลบางแห่งที่เผยแพร่ในสื่อไม่เป็นความจริง และยืนยันว่าการโอนงบประมาณดำเนินการตามรอบปกติ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมาธิการเห็นว่า ข้อมูลจากทั้งสองฝ่ายยังไม่สอดคล้องกัน และจำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
นอกจากนี้ ยังพบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 สปสช. ได้ดำเนินโครงการคลินิกชุมชนอบอุ่น และต่อมาปรับเป็นโครงการ 7 นวัตกรรม ซึ่งมีการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นจำนวนมาก แต่พบว่ามีการทุจริตจากช่องว่างของระบบ ทำให้ สปสช. ต้องเรียกเงินคืนจากคลินิกชุมชนอบอุ่นหลายร้อยล้านบาท โดยประเด็นดังกล่าวสะท้อนถึงความเสี่ยงต่อการทุจริตและการใช้เงินไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
คณะกรรมาธิการฯ จึงเห็นควรให้ สปสช. แสดงความรับผิดชอบอย่างเป็นรูปธรรม โดยดำเนินการเร่งด่วน 4 ประการ คือ
1. เปิดเผยข้อมูลงบประมาณที่ค้างจ่ายต่อโรงพยาบาลทุกแห่งอย่างโปร่งใส
2. เร่งรัดการจ่ายเงินให้โรงพยาบาลที่มีภาระหนัก โดยเฉพาะโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไประดับจังหวัด
3. จัดทำรายงานสถานะทางการเงินของกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติให้ชัดเจน
4. ยุติการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในพื้นที่
ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน รอบด้าน และมีหลักฐานยืนยันได้ คณะกรรมาธิการฯ จะตั้ง คณะอนุกรรมาธิการศึกษาการบริหารงบประมาณของ สปสช. และผลกระทบต่อโรงพยาบาลของรัฐ ขึ้นโดยเร่งด่วน เพื่อดำเนินการศึกษาและตรวจสอบเชิงระบบให้แน่ใจว่า ไม่มีการละเลยต่อปัญหาที่ส่งผลต่อชีวิตและสิทธิของประชาชน