วุฒิสภาไฟเขียวร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม เปิดทาง “บุคคลล้มละลาย” ร่วมเป็นกรรมการได้ กมธ.ยันไม่เกี่ยวบริหารทรัพย์สิน เปิดโอกาสผู้เชี่ยวชาญร่วมงาน ขณะ “รัชนีกร” หวั่นปัญหาธรรมาภิบาล ผลประโยชน์ทับซ้อน
วันนี้(21 ต.ค. ) มีการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร. บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... จำนวน 54 มาตรา ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาเสร็จแล้ว ในวาระสองและวาระสาม
นางสาวรัชนีกร ทองทิพย์ สว. สงวนความเห็นมาตรา6 (3) คุณสมบัติต้องห้ามกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม โดยขอให้เพิ่มคำว่า “บุคคลล้มละลาย” เนื่องจากเห็นว่าการกำหนดลักษณะต้องห้ามเพียง “บุคคลล้มละลายทุจริต” เกณฑ์ต่ำเกินไป เพราะเป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วมเป็นตำแหน่งระดับชาติ
น.ส.รัชนีกร กล่าวว่า บุคคลล้มละลายถือเป็นผู้มีความบกพร่องการเงินส่วนตัว บกพร่องในตัวเอง ถามจะมาจัดการหนี้สินและทรัพย์สินของชาติได้อย่างไร ดังนั้น จะต้องห้ามบุคคลล้มละลาย เป็นกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม เพื่อปกป้องผลประโยชน์ซับซ้อน และยกระดับความเชื่อมั่นของคณะกรรมการ เพราะคนล้มละลายมีแรงกดดันทางการเงิน ทั้งนี้ หากยกเว้นให้กับบุคคลล้มละลายอาจเกิดคำถามเรื่องธรรมาภิบาล ตนทราบดีว่ากฎหมายจะให้โอกาสใหม่กับคนบุคคลล้มละลาย แต่ในฐานะกำกับเงินแผ่นดิน สิ่งสำคัญคือความรับผิดชอบต้องสูงกว่าการใช้ชีวิตส่วนตัว
ด้านน.ส.จีราภัทร์ การประเสริฐกิจ กรรมาธิการ ชี้แจงว่า ในทางกฎหมายเปิดโอกาสให้บุคคลล้มละลายมีโอกาสดเนินการกิจการใหม่ได้ โดยมองว่าการล้มละลายอาจเกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือปัจจัยภายนอก ส่วนกรณีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการระบบตั๋วร่วม ต้องอาศัยความรู้ความเชี่ยวชาญ ด้านวิศวกรรม ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ เพื่อสนับสนุนระบบตั๋วร่วมให้สอดคล้องกับเทคโนโลยี ดังนั้น ภารกิจจึงไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพย์สินโดยตรง ทางคณะกรรมาธิการจึงกำหนดคุณสมบัติต้องห้ามไว้เพียงว่า เป็นหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต เท่านั้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วย มาตรา6 ให้คงตามร่างเดิมของคณะกรรมาธิการ ด้วยคะแนน 124 ต่อ 3 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง
นอกจากนี้ ยังมีสมาชิกสงวนความเห็นในมาตรา31วิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสาร่วม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม ความเสมอภาค มาตรา35 เงินและทรัพย์สินของกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม มาตรา38 คณะกรรมการบริหารกองทุน และมาตรา39 อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ ซึ่งมติที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วยให้คงตามร่างเดิมของคณะกรรมาธิการ
จากนั้นได้ลงมติวาระสาม ผลปรากฏว่าที่ประชุมวุฒิสภาเห็นด้วย 144 ต่อ 1 งดออกเสียง 3 เสียง ไม่ออกเสียง 1 เสียง