กัมพูชาร้องเลขาธิการรัฐสภาโลก อ้างสื่อไทยรายงานข่าวสร้างภาพลบต่อเขมร ทั้งที่ฝ่ายตนไม่ได้โจมตีไทย “มาร์ติน จุนกอง” เสนอ IPU เป็นกาวใจ เชิญผู้แทนรัฐสภาไทย–กัมพูชา ร่วมโต๊ะพูดคุยในกรอบนิติบัญญัติ ด้าน “วันนอร์” แจงไทยมีเสรีภาพสื่อ ไม่สามารถสั่งการได้ พร้อมรับข้อเสนอเจรจาโดยไม่กระทบงานฝ่ายบริหาร
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนรัฐสภาไทย ได้เข้าพบปะหารืออย่างไม่เป็นทางการกับ นายมาร์ติน จุนกอง เลขาธิการสหภาพรัฐสภา หรือ IPU ระหว่างร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา ครั้งที่ 151 ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในช่วงเย็นของวันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม ที่ห้อง S11 อาคารศูนย์การประชุมนานาชาติเจนีวา หรือ CiCG
โดยเนื้อหาของการพูดคุย นอกจากเป็นการพบปะกันฉันท์มิตรระหว่างประธานรัฐสภาไทย กับเลขาธิการ IPU ซึ่งเคยร่วมงานกันมาหลายครั้ง หลายเวทีแล้ว ช่วงหนึ่งเลขาธิการ IPU ได้แจ้งกับประธานวันนอร์และคณะผู้แทนไทยว่า ผู้แทนรัฐสภาของกัมพูชาได้ขอเข้าพบกับตนเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม และได้พูดถึงความกังวลของกัมพูชาในประเด็นที่สื่อมวลชนไทยมีการรายงานข่าวเชิงลบกับกัมพูชาค่อนข้างมาก ทั้งๆ ที่กัมพูชาไม่ได้ต่อว่าหรือตำหนิใดๆ ต่อรัฐบาลไทยเลย แต่การรายงานข่าวของสื่อไทยกลับเป็นการตอบโต้ และทำให้เกิดภาพเชิงลบกับกัมพูชา
ด้วยเหตุนี้กัมพูชาจึงฝากผ่านเลขาธิการ IPU ให้สื่อสารกับผู้แทนรัฐสภาไทยว่า จะตกลงแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะการรายงานข่าวและการใช้ภาษาก็เป็นสะพานสร้างสันติภาพระหว่างกันได้เหมือนกัน ไม่ควรปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
นายมาร์ติน กล่าวว่า เมื่อตนได้ทราบข้อมูลจากทางฝ่ายกัมพูชาแล้ว และได้หารือกับฝ่ายไทยในวันนี้ จึงมีข้อเสนอว่า ทั้งไทยและกัมพูชาน่าจะมาร่วมโต๊ะพูดคุยเจรจาหารือเพื่อหาทางออก และสร้างความเชื่อมั่นระหว่างกัน โดยใช้ห้องประชุมที่กำลังนั่งกันอยู่นี้ คือ ห้อง S11 เป็นสถานที่พบปะ
โดย นายมาร์ติน เล่าว่า ห้องนี้มีความสำคัญมาก ถือเป็น “ห้องพิเศษ” ที่ใช้ในการเจรจาพูดคุยแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งระหว่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง เช่น เกาหลีเหนือ กับเกาหลีใต้ ก็คุยกันที่ห้องนี้ รวมถึงอาร์เมเนีย กับอาเซอร์ไบจาน ก็อยู่ในคิวที่จะพบปะกันที่ห้องประชุมนี้ด้วย (เป็นปัญหาข้อพิพาทเกี่ยวกับดินแดน)
ฉะนั้นจึงอยากเสนอว่า ก่อนการประชุม IPU ครั้งนี้จะสิ้นสุดลง ขอให้ทางไทยและกัมพูชามาประชุมร่วมกัน และตนจะบริหารจัดการเตรียมการพูดคุยให้เกิดขึ้นด้วยดี
ด้านนายวันนอร์ กล่าวตอบว่า ตนได้แสดงท่าทีในถ้อยแถลงที่ได้กล่าวต่อที่ประชุมใหญ่ IPU ไปแล้วว่าไทยสนับสนุนการเจรจา และพบปะพุดคุยกันเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
ส่วนข้อกังวลของกัมพูชาเรื่องสื่อมวลชนนั้น ขออธิบายว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเสรี เราไม่สามารถควบคุมสื่อมวลชนได้ เรามีหน้าที่บอกความจริงต่อสื่อมวลชน แล้วสื่อก็จะไปนำเสนอตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งก็คิดว่าฝ่ายกัมพูชาก็ทำแบบนี้เช่นกัน แต่กัมพูชาอาจจะควบคุมสื่อได้มากกว่าไทยก็เป็นได้
สำหรับการเจรจาเพื่อแก้ไขข้อพิพาทระหว่างกันนั้น ประธานวันนอร์ อธิบายว่า ทั้งสองประเทศมีกลไกทวิภาคีร่วมกันอยู่ และได้พบปะพูดคุยกันบางระดับไปแล้ว โดยเฉพาะ GBC และมีข้อตกลงร่วมกันระดับหนึ่ง
นอกจากนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ก็เพิ่งมีการพบปะกันของรัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้แทนจากจีนและสหรัฐอเมริการ่วมสังเกตการณ์ ผลการพูดคุยก็ได้ข้อสรุปว่า ทั้งสองฝ่ายจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด
ส่วนข้อเสนอของเลขาธิการ IPU นั้น ประธานวันนอร์ บอกว่า ยินดีที่จะร่วมพบปะพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา แต่ขอให้เป็นขอบเขตของรัฐสภา จะไม่ไปละเมิดการทำงานของรัฐบาลทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะข้อตกลงหยุดยิงและกระบวนการอื่นๆ ซึ่งเป็นหน้าที่และการทำงานของฝ่ายบริหาร
ขณะที่ นายมาร์ติน เลขาธิการ IPU ตอบรับว่าสิ่งที่จะหารือกันระหว่างไทยกับกัมพูชา ระหว่างการประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภานั้น จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสิ่งที่รัฐบาลของทั้งสองประเทศดำเนินการอยู่อย่างแน่นอน เจตนาของตนเพียงให้สมาชิกรัฐสภาของทั้งสองประเทศได้พูดคุยกัน ไม่ได้ต้องการสร้างช่องทางคู่ขนานให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด
เลขาธิการ IPU บอกทิ้งท้ายว่า จะส่งคำเชิญไปทางกัมพูชา และแจ้งกลับทางฝ่ายไทย คาดว่าผู้แทนรัฐสภาของทั้งสองประเทศจะได้พบกันก่อนการประชุม IPU ครั้งที่ 151 จะปิดฉากลง
โอกาสนี้ ประธานวันนอร์ได้ขอให้ นายมาร์ติน ในฐานะเลขาธิการ IPU ช่วยสนับสนุนร่างข้อมติว่าด้วยการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามพรมแดน หรือ “สแกมเมอร์” ซึ่งไทยเตรียมเสนอเป็น “ระเบียบวาระเร่งด่วน” หรือ Emergency item เข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ IPU ในวันที่ 21 ตุลาคมนี้ด้วย