สภาองค์กรของผู้บริโภค ยื่นอุทธรณ์คดีค้านมติ กสทช.เห็นชอบควบรวมทรู-ดีแทค ที่ส่งผลให้เกิดการควบรวมกิจการโทรคมนาคมในปี 2565 เพื่อปกป้องสิทธิผู้บริโภคจากการผูกขาดโทรคมนาคม
วันนี้ (20 ต.ค.) สภาองค์กรของผู้บริโภค นำโดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการสื่อสาร โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาผู้บริโภค เดินทางมายื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครางกลาง ที่สั่งยกฟ้องคดีที่สภาองค์กรของผู้บริโภคยื่นฟ้อง ยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) และสำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครอง เนื่องจากเห็น มติของ กสทช. ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่เห็นว่า การรวมธุรกิจระหว่างการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเช็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันตามประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาคหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้ร้องสอด
น.ส. สุภิญญา กลางณรงค์ กล่าวว่า ในปัจจุบันกิจการโทรคมนาคมของประเทศไทยแทบไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคเปรียบเสมือนลูกไก่ในกำมือที่ไม่มีทางเลือก และหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่าง กสทช. ไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องผู้บริโภคอย่างเป็นธรรม สภาผู้บริโภคจึงต้องทำหน้าที่ตัวแทนผู้บริโภคในการปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคพร้อมปกป้องผลประโยชน์สาธารณะ นำไปสู่ขั้นตอนการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดในคดีควบรวม ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด กลับคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น จึงหวังพึ่งบารมีของศาลปกครองสูงสุดให้พิจารณาในมุมของผลประโยชน์สาธารณะอย่างแท้จริง ส่วนกระบวนการต่อจากนี้ไปสภาผู้บริโภคจะมุ่งปกป้องผลประโยชน์และเป็นกระบอกเสียงให้แก่ผู้บริโภคอย่างเต็มกำลัง ทั้งการรณรงค์ต่อภาคสังคมต่อไปเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง สร้างการตระหนักรู้เพื่อทำให้ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรม ตลอดจนการยื่นข้อเสนอแก่พรรคการเมืองต่างๆ ร่วมกันผลักดันให้เกิดการคุ้มครองผลประโยชน์สาธารณะอย่างเป็นรูปธรรม