เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 ตุลาคม 2568 โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร กลุ่มวิชชั่นใหม่ จัดเสวนา ในหัวข้อ “ทางเลือก ทางรอด ทางออกประเทศไทย" กับกลุ่มวิชชั่นใหม่ (พ.ร.บ.โปร่งใส) นำโดยนายพิเชษฐ์ สถิรชวาล อดีตรมช.คมนาคม และอดีต รมช.อุตสาหกรรมในฐานะ ประธานกลุ่มวิชชั่นใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดบึงกาฬ , นายณัฐพล เนืองชมพู อดีต สว.
ในช่วงเช้า เสวนาเรื่อง " ทางเลือก ทางรอด ทางออกประเทศไทย" พิธิกร ดร.ณัฐพล เนื่องชมพู โดยมี ดร.ดวง อันทะไชย อดีต สว. จังหวัดร้อยเอ็ด , ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิรุจิลาลัย อดีต สว. สส., พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ อดีตผู้บังคับการจังหวัดบึงกาฬ และนายนิวัติ แก้วล้วน อดีตเลขาธิการสภาทนายความ ร่วมเสวนาอย่างเข้มข้น
"พิเชษฐ" ย้ำ “พรรควิชชั่นใหม่” ต้องเกิดจากฐานราก – ประชาชนต้องรู้ก่อนนโยบาย
นายพิเชษฐ สถิรชวาล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการรวมตัวของอดีตนักการเมือง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกวุฒิสภา อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงอดีตข้าราชการที่เกษียณอายุแล้ว พวกเราทุกคนต่างมีจุดร่วมเดียวกันคือ ความห่วงใยต่อประเทศชาติ และต้องการร่วมกันหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับบ้านเมือง จึงได้จัดงานสัมมนาในหัวข้อ "ทางเลือก ทางรอด ทางออกของประเทศไทย"ขึ้นในวันนี้
ภายในงานมีการเชิญวิทยากรหลายท่านมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อาทิ คุณนิติภูมิ และผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน เพื่อให้ข้อคิดและแนวทาง โดยกลุ่ม ‘วิชั่นใหม่’ มีเป้าหมายในการรวบรวมความคิดเห็นจากตัวแทนในแต่ละจังหวัด ที่มีอุดมการณ์เดียวกันว่า ประเทศไทยควรเดินไปในทิศทางใดต่อไป
เราต่างทราบกันดีว่า ปัจจุบันประเทศของเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่ซับซ้อน ทั้งในด้านปัญหาชายแดน เศรษฐกิจ และปัญหาสังคม ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ง่าย อีกทั้งรูปแบบของการเมืองในปัจจุบันก็แตกต่างจากอดีตอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเรื่อง "วาระเพื่อยุทธศาสตร์" ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่ในหลายประเทศทั่วโลกไม่ได้ใช้กันในลักษณะนี้
ด้วยเหตุนี้ อดีตนักการเมืองหลายคนจึงมาร่วมพูดคุยกันและใช้เวทีในวันนี้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สิ่งที่เห็นพ้องต้องกันคือ หากต้องการหาทางออกที่แท้จริงให้ประเทศชาติ เราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงพรรคการเมืองได้ เพียงแต่ในตอนนี้ เรายังไม่มีพรรคที่สมบูรณ์แบบ เราจึงเริ่มต้นจากการรวมตัวกันในชื่อ ‘กลุ่มวิชั่นใหม่’ และคาดว่าในเดือนหน้าจะมีการประกาศจัดตั้ง "พรรคการเมืองของประชาชน" อย่างเป็นทางการ
พรรคนี้จะไม่ใช่พรรคของกลุ่มใดหรือบุคคลใด แต่จะเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง นโยบายทุกอย่างต้องเริ่มจากประชาชน และประชาชนต้องรับรู้ก่อนที่นโยบายจะถูกประกาศ ไม่ใช่เหมือนที่ผ่านมา ที่นโยบายถูกประกาศออกมาโดยที่ประชาชนไม่รู้ ทำให้เกิดความผิดพลาดและขาดการสนับสนุน
เราจึงต้องเปลี่ยน “วิธีคิด” ใหม่ทั้งหมด โดยใช้ประสบการณ์ที่เรามี ซึ่งเคยบริหารประเทศมาก่อน มาระดมความคิดเพื่อหาทางออกใหม่ การเมืองที่เราต้องการสร้างจะต้องมีความโปร่งใส และเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประเทศ
นายพิเชษฐฯ กล่าวต่อว่า การรวมตัวของอดีตนักการเมือง จุดมุ่งหมายหลักคือ “ความห่วงใยต่อประเทศชาติ” และการหาทางออกใหม่ที่ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง
“เราจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงพรรคการเมืองได้ หากต้องการหาทางออกที่แท้จริง แต่พรรคที่เราสร้างขึ้นจะไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ต้องเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง”
นโยบายทุกอย่างต้องเริ่มจากประชาชน และประชาชนต้องรับรู้ก่อนที่นโยบายจะถูกประกาศ ไม่ใช่แบบเดิมที่รัฐออกนโยบายโดยที่ประชาชนไม่รู้ ซึ่งทำให้เกิดข้อผิดพลาดและขาดการสนับสนุน
“ประสบการณ์คือเข็มทิศ ความโปร่งใสคือพลังที่จะขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคง” — นายพิเชษฐ กล่าวทิ้งท้าย
พล.ต.ต.วิญญู ชี้ “สแกมเมอร์” ต้องถูกยกระดับเป็นภัยความมั่นคง
ด้าน พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าปัญหา “สแกมเมอร์” ว่า ปัจจุบันกลายเป็นภัยระดับโลกที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีการเดิม เพราะโครงสร้างของภาครัฐยังไม่มีการบูรณาการ ขณะที่สแกมเมอร์สามารถทำงานแบบข้ามประเทศด้วยความรวดเร็วสูง
“สแกมเมอร์ทำงานด้วยระบบ 10G แต่ภาครัฐเรายังอยู่แค่ 5G ข้อมูลไม่เชื่อมโยงกัน ธนาคารกับโทรคมนาคมไม่สามารถทำงานร่วมกันได้” — พล.ต.ต. วิญญู กล่าว
เขาเสนอแนวทางแก้ไข 2 ประการที่สามารถทำได้ทันทีและเห็นผลใน 1 ปี ได้แก่
ยกระดับการจัดการสแกมเมอร์เป็น “ภัยความมั่นคงของชาติ” เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถทำงานร่วมกันได้โดยไม่ติดข้อกฎหมาย
โฟกัสที่ “ธนาคาร” เพราะทุกกระบวนการเริ่มและจบที่บัญชีม้า หากควบคุมต้นทางได้ เงินจะไม่สามารถถูกโยกย้ายได้อีก
“เราตามไล่ปลายทางแต่ไม่เคยปิดต้นทาง ถ้ายกระดับเรื่องนี้เป็นภัยความมั่นคง ผมเชื่อว่าใน 1 ปี เราจะหยุดขบวนการนี้ได้” — พล.ต.ต.วิญญู กล่าว
ปิดท้ายในช่วงบ่าย ต่อจากภาคเช้า เวลา 13.00 น . มีการเสวนา " ทางเลือก ทางรอด ทางออกประเทศไทย" โปร่งใส มีดีอะไร ข้อดี - ข้อเสีย พิธิกรดำเนินการโดย ดร.รัชฎะ สมรทินกร โดยมี พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบึงกาฬ , ดร.ณัฐพล เนื่องชมพู อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดบึงกาฬ ร่วมเสวนา
ดร.ณัฐพล เนื่องชมพู ชูนโยบายหลัก “การปฏิรูปการศึกษา”
ส่วนทางด้าน ดร.ณัฐพล เนื่องชมพู อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่าการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน เป็น “การเมืองแบบรางสังหรณ์” คำว่ารางสังหรณ์หมายถึง ความหวังที่พี่น้องประชาชนฝากเอาไว้หลายยุคหลายสมัย แต่มักไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นในด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม หรือการศึกษา ดังนั้น ถ้าหากมีพรรคการเมืองใดที่สามารถเข้ามาพัฒนาประเทศหรือแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้จริง โดยเฉพาะผ่านนโยบายที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น ก็จะเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด
ดร.ณัฐพลฯ กล่าวต่อว่านโยบายหลักที่เราจะผลักดัน คือ “การปฏิรูปการศึกษา” เราต้องการยกระดับระบบการศึกษาให้มีมาตรฐานและทันสมัย เพราะการศึกษาคือรากฐานที่สร้างคน สร้างงาน และสร้างชาติ เรามองว่าการศึกษายุคใหม่ควรใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพ เพื่อให้ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เมื่อระบบการศึกษามีความเข้มแข็ง ด้านอื่น ๆ ของประเทศก็จะพัฒนาไปพร้อมกัน ส่วนโยบายด้านเศรษฐกิจของเราจะน้อมนำ “หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” มาเป็นกรอบในการดำเนินงาน เราเชื่อว่าเศรษฐกิจต้องขับเคลื่อนอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ภาครัฐเองก็ควรมีบทบาทสำคัญในการขยายโอกาสทางเศรษฐกิจ เช่น การแต่งตั้งทูตเศรษฐกิจประจำประเทศต่าง ๆ เพื่อหาตลาดการส่งออก นอกจากเรื่องความมั่นคงและการทหารแล้ว เรื่องเศรษฐกิจก็ควรได้รับความสำคัญไม่แพ้กัน
ดร.ณัฐพลฯ กล่าวเสริมว่า เรามีนโยบายหลักทั้งหมด 6 ด้าน ดังนี้
- ด้านความมั่นคง: ปกป้องแผ่นดิน เสริมสร้างความปลอดภัยชายแดน โดยต้องมีแนขตแดนที่ชัดเจน ป้องกันการลักลอบเข้าเมือง แต่ไม่ปิดกั้นด้านการค้าขายและเศรษฐกิจชายแดน
- ด้านการศึกษา: พัฒนาระบบการศึกษาให้สอดคล้องกับยุคใหม่ โดยนำเทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ เพื่อให้ผู้เรียนสามารถมีอาชีพได้จริงตั้งแต่ระดับมัธยมต้น และวางแผนเส้นทางชีวิตได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
- ด้านเศรษฐกิจและปากท้อง: เกษตรกรซึ่งเป็นผู้ผลิตต้องมีสิทธิ์มีเสียงในการกำหนดราคาสินค้า ไม่ใช่ให้พ่อค้าคนกลางหรือหน่วยงานรัฐเป็นผู้กำหนดฝ่ายเดียว
- ด้านกฎหมาย: ปฏิรูปกฎหมายเพื่อสร้าง “ความเสมอภาค” ให้เกิดขึ้นจริง ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่มีสองมาตรฐานหรือสามมาตรฐาน
- ด้านสิทธิมนุษยชนและความยุติธรรม: ต้องได้รับการคุ้มครองเท่าเทียมกัน สร้างระบบยุติธรรมที่โปร่งใสและตรวจสอบได้
- ด้านการพัฒนาสังคม: ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ
ทั้งนี้ รายละเอียดเชิงลึกของแต่ละนโยบายจะมีการขยายความเพิ่มเติมในเวทีเปิดตัวพรรค "วิชชั่นใหม่" อย่างเป็นทางการในอนาคต ดร.ณัฐพลฯ ได้กล่าวทื้งท้าย