ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "ฮุน เซน" กล้าๆหน่อย-เขมรเจ้ามือใหญ่สแกมเมอร์ แฉไปเลย "7นักการเมืองไทย" มีเอี่ยวใครเป็นใคร!
ถามกันให้ควั่ก ว่า 7 นักการเมืองไทย ที่มีเอี่ยวกับแก๊งสแกมเมอร์ ชื่ออะไรกันบ้าง !?
หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ให้ข้อมูลมีนักการเมืองไทยอย่างน้อย 7 คน เกี่ยวข้องกับขบวนการสแกมเมอร์ ที่มีศูนย์รวมใหญ่อยู่ในกัมพูชา
กระทั่งข่าวดังกล่าวกระพือไปทั่วหย่อมหญ้า ก่อนที่รัฐบาลไทย และสถานทูตเกาหลีใต้ จะออกมา "ดับไฟ" ว่าข่าวที่ว่านี้ เป็น "เฟกนิวส์"
กระนั้นวงเมาต์มอย ในโซเชียลฯ แทนที่จะเลิกลาแยกย้ายกัน กลับยิ่งถาม ยิ่งขุด!
"รังสิมันต์ โรม" ส.ส.พรรคประชาชน เจ้าเก่า ได้ทีรับลูกข่าวลือกระพือต่อว่า เคยอภิปรายไปแล้ว รู้แหละว่า 7 คนเป็นใคร แถมมีข้อมูลด้วยว่า 1 ในจำนวนนักการเมืองไทยพวกนี้ มีบัญชีธนาคารในกัมพูชา ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับขบวนการ สแกมเมอร์
แต่เอาเข้าจริง ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเปิดชื่อ นักการเมือง 7 คน ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ มีแต่นักสืบโซเชียลฯ ที่ทำหน้าที่ "บอกใบ้" ในทำนองอาจเป็น นักการเมืองระดับกลาง-สูง ที่มีสายสัมพันธ์กับ "ฮุน เซน" อาจมีการฝากเงิน-ฝากทอง ไว้ที่เขมร ทำธุรกิจกาสิโน หรือ บริษัทพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่วมกัน
ต้องไม่ลืมว่า ตอนนี้ภาพลักษณ์ของนักการเมืองไทยกับเขมร ถูกโยงถึงขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ ฉาวโฉ่ไปทั่วโลก
มีตั้งคำถามว่า ถ้าไม่จริง แล้วใครปล่อยข่าว ใครได้ประโยชน์จากข่าวนี้ !?
งานนี้วิเคราะห์กันให้ดีๆ ข่าวที่ถูกปล่อยออกมา เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนที่อยู่เบื้องหลังจะหวังใช้สร้างแรงกดดัน หรือ“โยนหินถามทาง” เพื่อให้เกิดความหวาดระแวง หรือ "กินปูนร้อนท้อง" ของบรรดาวัวสันหลังหวะ ทั้งหลาย!
ไหนๆ ก็อยากไปให้สุดซอย ขอท้าทาย "ฮุน เซน" และ ประเทศเขมรที่ทั่วโลกรู้แล้วว่าคือ “เจ้ามือ” สแกมเมอร์ รายใหญ่ กล้าๆ หน่อย เปิดเผยโฉมหน้านักการเมืองไทยพวกนี้ให้ที
เพราะเรื่องนี้มีคนที่จะตอบได้ และขู่ว่าจะเปิดมานานแล้ว นั่นคือ "ฮุน เซน" นี่แหละ!
ทำไมถึงเป็น ฮุน เซน? เพราะเจ้าตัวเคยพูดมาแล้วหลายครั้งจะเปิดโปงนักการเมืองไทยที่เกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ และฝากเงิน ฝากทอง ไว้ที่เขมร แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่เปิดสักทีนึง
“ฮุน เซน” อยู่ตรงกลางของจักรวาลสแกมเมอร์ ทั้งผู้ถูกกล่าวหาว่า มีธุรกิจมืดที่เชื่อมโยงสแกมเมอร์ และผู้ถือ “ข้อมูล” ว่ามีชื่อนักการเมืองไทย
ด้วยเหตุนี้ ข่าวลือว่า 7 นักการเมืองไทย เอี่ยวขบวนการสแกมเมอร์ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากตัวพ่ออย่าง “ฮุน เซน” เพราะ ถือกุญแจความลับนี้ไว้ !
แล้ว ฮุน เซน จะเปิดหรือไม่?
เดิมที “ฮุน เซน” เคยกล่าวว่าจะ “เปิดโปง”ความลับฝ่ายนักการเมืองไทยภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหลายฝ่าย ก็จับจ้องท่าทีของ ฮุน เซน ว่าจะทำจริงหรือไม่
ถ้าเปิดและเป็นข้อมูลไม่ว่าจะเชื่อถือได้ ไม่ได้ นักการเมืองไทยแต่ละคนที่มีชื่อจากปาก ฮุน เซน ก็งานเข้า ...เรือหายแน่ๆ
ถ้า “ฮุน เซน” เลือกจะไม่เปิดก็ให้รู้ไว้ นี่เป็นนิสัยถาวรของเขมรเจ้าเล่ห์ จะใช้เงื่อนงำนี้ เดินเกมเล่นการเมืองต่อรองกับนักการเมืองไทย ไปเรื่อยๆ หรือไม่?
ขาเผือกทั้งหลายรออยู่ เอ้า!..ฮุน เซน กล้าๆ หน่อย!
++ ลุ้น “สว.สีน้ำเงิน” จะรับ 2 ว่าที่ กกต. ไว้ทำคดีฮั้ว กับคุมเลือกตั้ง สส. ครั้งหน้าหรือไม่
วันนี้ (20ต.ค.) ที่ประชุมวุฒิสภา จะมีการประชุมลับ เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคล ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จำนวน 2 คน เพื่อแทน “อิทธิพร บุญประคอง” ประธาน กกต. และ “สันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์” กกต. ที่หมดวาระไป เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568
ว่าที่ กกต.ใหม่ 2 คน คือ “อนันต์ สุวรรณรัตน์” และ “ณรงค์ รักร้อย” ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจาก คณะกรรมการสรรหากรรมการองค์กรอิสระ ที่ประกอบด้วย ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ผู้แทนจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา และที่ ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด โดยมี ประธานศาลฎีกาฯ เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาชุดนี้
“อนันต์ สุวรรณรัตน์” ดีกรีระดับ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เกษียณเมื่อปี 2563 ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นผู้สมัคร กกต.คนแรกในการสรรหาครั้งนี้
“อนันต์” จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาพืชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ หลังสำเร็จการศึกษา ได้เข้ารับราชการใน กรมวิชาการเกษตร แล้วจึงศึกษาต่อในสาขาวิชาการพัฒนาการเศรษฐกิจ คณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โดยยังคงทำงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มาโดยตลอด
เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ เช่น รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ในปี 2552, เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงในปี 2553 ต่อมาได้ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมหม่อนไหม ในปี 2556 จากนั้นในปี 2557 ถูกย้ายให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตร
ปี 2558 ถูกย้ายอีกครั้ง ไปเป็นอธิบดีกรมการข้าว จากนั้นเข้ารับตำแหน่งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระหว่างปี 2561-2563 เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณ ซึ่งเป็นยุครัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” โดยมี “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เป็น รมว.เกษตรฯ และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เป็น รมช.เกษตรฯ
ส่วน “ณรงค์ รักร้อย” อดีต ผวจ.สมุทรสาคร เพิ่งเกษียณอายุราชการ เมื่อปี 2566 นี่เอง
“ณรงค์” จบมัธยมศึกษา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ปริญญาตรี ศศ.บ. (รัฐศาสตร์) ม.รามคําแหง ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า
เส้นทางชีวิตราชการ เป็น ปลัดอำเภอท่าตูม จ.สุรินทร์ และวนเวียนอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานหลายจังหวัด อาทิ อำนาจเจริญ กาฬสินธุ์ อุบลราชธานี ก่อนจะขึ้นเหนือ ไปที่ จ.แพร่ และ พิจิตร
ขึ้นเป็น รองผู้ว่าฯที่ จ.สุรินทร์ จากนั้นย้ายไปเป็น รองผู้ว่าฯกาญจนบุรี
เดือนตุลาคม 2561 ขึ้นชั้นผู้ว่าฯ ครั้งแรก ที่ จ.อุทัยธานี และอยู่ที่นี่นานถึง 3 ปี เรียกได้ว่า สนิทสนมคุ้นเคยกันดีกับ “บ้านใหญ่ไทยเศรษฐ์” ที่ชนะเลือกตั้งยกจังหวัด ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปี2566
ช่วงปี 64 ที่ โควิด-19 ระบาดหนัก “ผู้ว่าฯณรงค์ รักร้อย” ถูกย้ายจากอุทัยธานี เป็นผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เพื่อเปิดโอกาสให้ “ผู้ว่าฯปู” วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ที่มีปัญหาสุขภาพ ได้ย้ายออกจากพื้นที่ ไปเกษียณ ที่ จ.อ่างทอง บ้านเกิด
ช่วงนั้น จ.สมุทรสาคร เป็น “พื้นที่สีแดง” เป็นเขตควบคุมเข้มงวดสูงสุด มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ และเคอร์ฟิว ห้ามออกนอกเคหสถาน ซึ่ง “ผู้ว่าณรงค์”ได้เข้ามาร่วมแก้ปัญหา และเกษียณที่นี่
สองว่าที่ กกต. คนหนึ่งเป็น ลูกหม้อกระทรวงเกษตรฯ อีกคนเป็น อดีตผู้ว่าฯ ที่มีความสัมพันธ์กับ “บ้านใหญ่อุทัยธานี” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่พรรคมอบหมายให้ดูแล รับผิดชอบ พื้นที่เลือกตั้งภาคกลาง
ต้องติดตามว่า ที่ประชุมวุฒิสภา จะลงมติเห็นชอบ หรือไม่ให้ความเห็นชอบ... จะผ่านแค่ชื่อเดียว หรือผ่านทั้งสองชื่อ หรือ ไม่ผ่านเลย!
เพราะ ว่าที่ กกต.ที่จะเข้าไปรับตำแหน่งครั้งนี้ มีภารกิจสำคัญที่รออยู่ข้างหน้าคือ การพิจารณาชี้ขาด “คดีฮั้ว สว.” และกำกับดูแล จัดการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง
และถ้าทั้งสองคนได้รับไฟเขียว เมื่อเข้าไปทำหน้าที่เป็น กกต.แล้ว ที่ประชุมกกต. ต้องมีการเลือก “ประธานกกต.” คนใหม่ ด้วย