“สีหศักดิ์” เผยผลหารือ 4 ฝ่ายที่มาเลเซีย เห็นชอบ “ร่างประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา” แต่ต้องลงรายละเอียดในที่ประชุม GBC 20 ต.ค.นี้ก่อน โดยเขมรต้องทำตาม 4 เงื่อนไข หลังจากนั้นนำเข้า ครม. ก่อนลงนามต่อหน้า “ทรัมป์” ช่วงประชุมอาเซียนซัมมิตปลายเดือน ย้ำปล่อยตัว 18 เชลยศึก ต้องทำตาม 4 เงื่อนไขก่อน
วันนี้(18 ต.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการหารือ 4 ฝ่ายประกอบด้วยสหรัฐอเมริกา ไทย กัมพูชา และมาเลเซีย ในระหว่างที่นายสีหศักดิ์เยือนประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 17 ต.ค.68 ในลักษณะ working visit ตามคำเชิญของ รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ว่า ฝ่ายไทยได้ย้ำความสำคัญของการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรมในประเด็นการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ และความร่วมมือในการบริหารจัดการพื้นที่บริเวณชายแดน
นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ในการประชุมร่วมกัน 4 ฝ่ายได้หารือกันอย่างจริงจัง ใช้เวลานานถึงดึก โดยเห็นชอบเอกสารที่เรียกว่า “ร่างคำประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา” เป็นคำประกาศที่จะเตรียมไว้ลงนาม ในช่วงที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มาร่วมประชุมอาเซียนซัมมิตปลายเดือนนี้ที่ประเทศมาเลเซีย
นายสีหศักดิ์ ย้ำว่า ประกาศความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ที่จะลงนามร่วมกันได้นั้น เราได้พูดคุยถึง 4 ข้อเงื่อนไขที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีแจ้งยืนยันไปก่อนหน้านี้คือเรื่องการถอนอาวุธหนัก การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด การร่วมปราบปราบอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือสแกมเมอร์ และการแก้ปัญหารุกล้ำชายแดนโดยไม่ใช้กำลัง ซึ่งกัมพูชาดูมีท่าทีที่ดี แต่เราต้องมาลงรายละเอียดร่วมกันในทางปฏิบัติ โดยจะมีการคุยในรายละเอียดในการประชุม GBC วันที่ 20 ต.ค.นี้ หากเห็นด้วยในรายละเอียด ถึงการปฏิบัติการแก้ไขปัญหาร่วมกันแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้งสองประเทศก็จะร่วมลงนาม จากนั้นในส่วนของเราก็จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เห็นชอบต่อไป
ส่วนเรื่องที่รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชาให้ข่าวว่า ไทยจะปล่อยตัว 18 เชลยศึกกัมพูชานั้น นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ในข้อเสนอในการพูดคุยแต่จะเป็นผลในทางปฏิบัติได้นั้นทางกัมพูชาจะต้องร่วมมือในการปฏิบัติตาม 4 ข้อที่ได้พูดคุยเสียก่อน