“วิชา” หนุนป.ป.ช.สอบมูลนิธิเอกชน ยก “กัน จอมพลัง-บิณฑ์” เป็นตัวอย่างที่ดี ชี้ภาครัฐควรทำงานเชิงรุก เอาเป็นตัวอย่าง
วันนี้ (17 ต.ค.) นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ กล่าวกรณี มูลนิธิ “กันจอมพลังช่วยสู้” การเปิดรับเงินบริจาคเงินจากประชาชนเพื่อนำไปช่วยเหลือภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชาทาง คณะกรรมการฯ จะมีการตรวจสอบลงลึกไปถึงในระดับมูลนิธิหรือไม่ ว่า เรากำลังจะขยาย แต่ขอไม่พูดถึงเรื่องของการตรวจสอบองค์กรภาคเอกชน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่จะต้องตรวจสอบต่างหากว่ามีความโปร่งใสหรือไม่ ซึ่งอาจจะรวมถึงสมาคม สถาบันและบริษัทต่างๆ ที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เป็นเป้าหมายก้าวต่อไปของเราในอนาคต ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ส่วนหนึ่งที่ต้องขยายให้หน่วยงานเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในการต่อต้านการทุจริตด้วย ถ้าเราต้องการให้เขาเข้ามามีส่วนร่วม เราก็ต้องตรวจสอบประเมินเขาด้วย
ส่วนถ้ามีการยื่นเรื่องร้องเรียนให้เข้ามาตรวจสอบก็ยินดีที่จะรับไว้ แต่ขอให้เกี่ยวข้องกับการประเมินก็แล้วกัน กรณีของคุณกัน จอมพลัง นั้น ตนเองมองว่า องค์กรภาครัฐของเราทำงานอ่อนแอ เมื่อทำงานอ่อนแอ ภาคเอกชนก็แข็งแรงกว่าคล่องตัวกว่าโดยไม่มีข้อจำกัด ซึ่งข้อเหล่านี้เป็นข้อด้อยขององค์กรราชการ
" ในเมื่อราชการต้วมเตี้ยม เห็นประชาชนแล้วไม่รีบเข้าไปช่วย ไม่มีสิ่งที่ดีๆ ที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบคุณกันฯ ที่เป็นบุคคลภายนอก สิ่งที่เราต้องการที่สุดคือองค์กรต่างๆที่จะได้รับการประเมินควรมีผลสะท้อนในด้านของการช่วยเหลือประชาชนด้วยหรือไม่ เขาจะได้มีพลัง และเห็นภาพว่า จะต้องเข้ามาช่วยเหลือประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ภาคเอกชนทำจนเป็นการล้ำหน้า และตรวจสอบไม่ได้อย่างที่สื่อมวลชนสงสัย"
ทั้งนี้นายวิชา ยังมองว่ากรณีของกันจอมพลัง ก็ต้องคิดว่าเขาทำเป็นตัวอย่างที่ดี ยังไม่เห็นภาพที่เป็นข้อเสียหายอะไร นอกจากข้อเสียหายของภาครัฐเอง คือว่าภาครัฐทำงานเป็นกิจวัตร ไม่ทำงานเชิงรุก ฉะนั้นก็เอาตัวอย่างของกัน จอมพลัง มาดูบ้าง ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำงานเชิงรุกเข้าถึงประชาชน ทำให้ประชาชนได้รับสิ่งที่ดีๆ เหมือนกรณีของคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ด้วยเช่นเดียวกัน ที่ได้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกระตุ้นให้ราชการอยู่เฉยไม่ได้
ส่วนการเปิดรับบริจาคเงินจากประชาชนในนามมูลนิธิ หากยื่นภาษีถูกต้องตามกฎหมายก็ถือว่าไม่มีปัญหา ขอให้โปร่งใสเปิดเผยตรวจสอบได้