“วิชา” เปิดตัวกก.ตรวจสอบผลประเมิน ITA 5 ชุด ก่อนปรับหลักเกณฑ์ประเมินใหม่ ตั้งเป้าพัฒนาสู่มาตรฐานคุณธรรม มีจริยธรรม เกิดความโปร่งใส ปชช.เชื่อมั่น ไม่ค้านสายตา ยอมรับข้อบกพร่องเกณฑ์ประเมิน สตง. หลังตึกถล่ม เล็งตรวจซ้ำขาประจำคะแนนดี
วันนี้ (17 ต.ค.) นายวิชา มหาคุณ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ หรือ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) แถลงข่าวการปรับปรุงดำเนินการประเมิน ITA ใหม่ กล่าวว่า ปัจจุบัน ป.ป.ช. ตรวจสอบหน่วยงานภาครัฐ องค์กรอิสระ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาถึง 8 พันหน่วยงาน โดยใช้เกณฑ์การประเมินเดิมต่อเนื่องมาตลอด 13 ปีที่ และพบว่ามีข้อจำกัด อุปสรรค และความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในปัจจุบัน ดังนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีความเห็นว่า เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและทบทวนหลักเกณฑ์การประเมิน ITA จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
โดยมีหน้าที่และอำนาจที่สำคัญคือการตรวจสอบและศึกษาผลการประเมิน ITA ที่ผ่านมา และการให้ความเห็น ข้อเสนอแนะ และหาแนวทางในการปรับปรุงพัฒนาเครื่องมือการประเมิน ITA ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้คณะกรรมการตรวจสอบผลการประเมิน ITA มีคณะอนุกรรมการ 5 คณะ ที่จะมาสนับสนุน การดำเนินงาน ซึ่งประกอบด้วย 1. คณะอนุกรรมการตรวจสอบผลการประเมิน ITA ในกลุ่มประเภทองค์กรอิสระ โดยมีนายประสาท พงษ์ศิวาภัย อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ 2. คณะอนุกรรมการตรวจสอบผลการประเมิน ITA ในกลุ่มประเภทหน่วยงานภาครัฐ โดยมี พลเอก ธีระเดช ฉัตรเสถียรพงศ์ เป็นประธานอนุกรรมการ
3. คณะอนุกรรมการตรวจสอบผลการประเมิน ITA ในกลุ่มประเภทองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยมี ว่าที่ร้อยตรี สุพีร์พัฒน์ จองพานิช เป็นประธานอนุกรรมการ 4. คณะอนุกรรมการตรวจสอบระบบและกระบวนการประเมิน ITA โดยมีนางศิริรัตน์ วสุวัต เป็นประธานอนุกรรมการ และ 5. คณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการประเมิน ITA โดยมีนางเสาวณีย์ แสงสุพรรณ เป็นประธานอนุกรรมการ
สำหรับคณะอนุกรรรมการทั้ง 5 คณะนี้ จะทำงานร่วมกับคณะกรรมการตรวจสอบฯ กล่าว คือ การทำงานของคณะอนุกรรมการฯ ชุดเล็ก คือการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบชุดใหญ่ ซึ่งจะต้องมี
การประสานการดำเนินงานกันอย่างต่อเนื่อง มีกำหนดการประชุมทุก 2 สัปดาห์ และกำหนดเป้าหมายเบื้องต้น ว่าจะต้องเริ่มเห็นผลงานที่จะเสนอให้สังคมเห็นได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ภายใน 2 เดือนนี้ โดยในระหว่างการดำเนินงานของคณะกรรมการตรวจสอบฯ จะมีการประเมินผลการดำเนินงานครึ่งทางในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และจะมีการแถลงผลการดำเนินงานให้สื่อมวลชนและประชาชนได้ทราบเป็นระยะ
ทั้งนี้ ปัจจุบันคณะกรรมการตรวจสอบฯ ได้เริ่มกระบวนการตรวจสอบแล้ว โดยได้มี
การตรวจสอบกระบวนการทำงาน และผลการดำเนินการประเมิน ITA ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มองค์กรอิสระ และกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการดำเนินงานสูง ซึ่งในระหว่างนี้จะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องหรือผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเพิ่มเติม รวมถึงศึกษาข้อมูลแนวทางการดำเนินงานจากต่างประเทศด้วย
นายวิชา กล่าวด้วยว่าคณะกรรมการฯดังกล่าวเป็นลูกศิษย์ของตนเองจึงได้มีการเคี่ยวเข็ญให้มาช่วยงาน เพราะรู้ใจกันอยู่แล้วและในคณะอนุกรรมการชุดต่างๆก็จะ ประสงค์คัดเลือกบุคลากรที่มีความประสงค์ ที่อยากมาช่วยงานจริงๆ โดยการสัมมนาวันนี้จะเปิดให้วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางและชี้ให้เห็นว่ามีข้อบกพร่องด้านใด โดยเฉพาะข้อกำหนดในการตรวจในการตรวจสอบองค์กร จะแค่คุณธรรมกับ กับความโปร่งใส เพียงพอหรือไม่ที่จะไปกำหนดว่าองค์กรนั้นเป็นองค์กรที่ดี หรือการตีความคำว่า intergrity เป็นคุณธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดเพราะว่า intregrity คือจริยธรรมไม่ใช่คุณธรรม ซึ่งคุณธรรมเป็นเรื่องปกติ ความดีที่มีให้แก่กันมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้แก่กันแต่จริยธรรมต้องเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมดังนั้นจริยธรรมคือการเสียสละทั้งชีวิต ตายก็ไม่เสียดายชีวิตนี่ นี่คือสิ่งที่เราได้เรียนแบบมาจากประเทศเราได้เลียนแบบจากเกาหลีใต้ ที่ได้ให้คำนิยามของคำว่าจริยธรรมหมายถึงความเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ยึดมั่นในความถูกต้อง จะไม่มีการยอมแพ้กับความผิดหรือการทุจริตเป็นอันขาด และก้มหัวให้กับการทุจริตเป็นอันขาด
"มีการตั้งคำถามว่าในส่วนขององค์กรของเราถึงขนาดนั้นได้หรือไม่ พระเจ้าอาจจะร้องไห้ หากไปถามท่าน เพราะประเทศไทยเมื่อไหร่จะได้เป็นประเทศที่มีจริยธรรม ประเทศที่เสียสละจริงๆเหมือนอย่างกับเกาหลีใต้ ที่มีนักการเมืองกระโดดเขาตาย เพราะถูกกล่าวหาว่าภรรยาทุจริตหรือตัวเขาเอง หรือตัวเขาเองทุจริต ซึ่งคนไทยมีใครกระโดดเขาตายหรือไม่ แต่ก็เกิดกรณีเด็กคนหนึ่ง ซึ่งจะต้องไม่ลืมว่าเกิดเรื่องที่จังหวัดขอนแก่นที่ทนไม่ได้กับการทุจริต และเสียสละฆ่าตัวตายในรถยนต์ แต่เรื่องดังกล่าวก็ถูกลืมไป"
นายวิชา กล่าวว่า องค์กรที่เปิดเผยและพร้อมจะได้รับการตรวจสอบ จะเป็นองค์กรที่พร้อมจะก้าวหน้าต่อไป และพร้อมจะแก้ไขข้อผิดพลาดในอนาคต แต่ข้อดีของการมีการตรวจสอบ ITA คือ ความโปร่งใสและการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนดีขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้เป็นความลับหมด เมื่อเข้าสู่ระบบหน่วยงานที่ชอบปกปิดไม่เปิดเผยจ้อมูล กลับมาเปิดเผยข้อมูลเพิ่มขึ้นร้อยละ 65 แต่คณะกรรมการ ITA ต้องการให้มีการเปิดเผย 100% โดยทุกหน่วยงานต้องยินดีให้ตรวจสอบและเปิดเผยข้อมูล ดังนั้นเป็นเรื่องของคณะกรรมการเป็นเรื่องของคณะกรรมการและอนุกรรมการ ITA เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วต้องมีจุดมุ่งหมาย ว่าต้องเปลี่ยนแปลง โดยสิ่งที่เป็นประเด็นปัญหาอีกอย่าง คือ คำถามที่กระทบกระเทือนจิตใจของหน่วยงาน เช่นเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจะเก็บมาวัดผลคะแนนด้วยหรือไม่ เรื่องนี้หน่วยงานต่างๆไม่ต้องการให้เก็บข้อมูลเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะกระทบกระเทือนจิตใจ ซึ่งเรื่องนี้ ป.ป.ช.เห็นด้วย ทำให้เห็นว่ายังมีระบบเกรงใจเกิดขึ้นอยู่ ดังนั้นต่อไปนี้จะต้องมาคิด ว่าทำอย่างไรที่จะได้ข้อมูลที่เป็นจริงเป็นจัง ไม่เช่นนั้นจะเกิดซ้ำรอย เช่น กรณีกรมทรัพยากรธรรมชาติหรือกรมอุทยาน ที่ปรากฏว่าตรวจแล้วได้การประเมิน ITA ระดับเกรด A กลับพบว่าผู้บริหารรับเงินใต้โต๊ะเป็นข่าวใหญ่โต
ซึ่งไม่สะท้อนความเป็นจริง จึงหมดเวลาที่จะพูดแบบเล่นๆ หรือทำอะไรแบบเกรงใจกัน หรือผลัดกันเกาหลัง เมื่อมอบหมายให้ตนมาทำหน้าที่ก็จะทำอย่างดีที่สุด ให้เกิดผลดีกับประชาชน และสิ่งที่ต้องการที่สุดคือให้ประชาชนสะท้อน แล้วเกิดเป็นผลลัพธ์ ประชาชนเป็นสุข มีความศรัทธา เชื่อถือและไว้วางใจในหน่วยงานภาครัฐ ถือเป็นสิ่งที่ต้องการมากที่สุด สำหรับระบบการตรวจสอบ นำไปสู่การผลักดันให้เกิดจริยธรรม ที่ให้ผู้คนมีความเชื่อถือ หลักฐานและไว้วางใจในหน่วยงาน จะได้ทำงานร่วมกันและผลักดันให้เกิดผลดีทั้งด้านเศรษฐกิจการเมืองและสังคม
อย่างไรก็ตามการพัฒนาระบบตรวจสอบจะต้องมีการประเมินปีต่อปี หรือในระยะเวลา 2-3 ปี ส่วนกรณีที่เป็นข้อสงสัยผลการประเมินในส่วนของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง.ได้รับการประเมินผลงานในระดับดีเยี่ยมจะต้องตัดคะแนนประเมินใหม่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ถือเป็นข้อเสนอแนะที่ดี คิดถึงเรื่องนี้ใช่ไหม และได้มีการคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน แม้ผลการประเมินจะออกมาเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อตึกพังถล่มลงมาคาหูคาตา และยังมีการมอบรางวัลให้อีก ดังนั้นต้องมีวิธีการยับยั้ง หรือใช้วิธีการตรวจสอบการประเมินซ้ำอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีหน่วยงานที่มักได้รับรางวัลเป็นประจำนั้น นายวิชา กล่าวว่าประเด็นขาประจำที่ได้รับรางวัล ก็มีทั้งที่เป็นจริงและไม่เป็นจริง ซึ่งความเป็นจริงคือหน่วยงานนั้นได้รักษาระดับของตัวเองไว้ได้ ดังนั้นจะต้องมีการตรวจอีกครั้ง ว่าได้มีการเข้าถึงอย่างจริงจังหรือไม่ ขณะนี้กำลังพิจารณาว่าจะต้องการประเมินบุคลากรที่อยู่ในกรม องค์กรนั้นด้วยหรือไม่ แทนที่จะไปตอบคำถามเฉพาะการบริหารจัดการอย่างเดียว โดยจะนำไปพิจารณา
ส่วนที่มีองค์กรที่ได้รับผลการประเมินคะแนนต่ำก็จะต้องมีการปรับปรุง เปรียบเหมือนครูดูลูกศิษย์แล้วยังไม่มีความก้าวหน้า จะต้องเปลี่ยนวิธี โดยไม่ต้องใช้วิธีการเดิม
จากนั้น นายวิชา เปิดการอภิปรายในหัวข้อ “มุมมองการพัฒนาระบบการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส” และการรับฟังข้อสังเกตแนวทางการพัฒนา เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การประเมิน ITA ให้เป็นที่ยอมรับสอดคล้องกับความเป็นจริง