“อ.ปานเทพ” ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกฯ จี้ยกเลิก MOU43 และชะลอประชุม JBC วันที่ 21-22 ต.ค. ชี้ หากไม่ยกเลิก เขมรจะอ้างข้อ 5 ของ MOU ฟ้องต่อนานาชาติให้ไทยถอนทหารจากภูมะเขือ รวมพื้นที่ 11 จุด และห้ามสร้างรั้วถาวรตามพระราชปณิธานสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอฯ กรมพระศรีสวางควัฒนฯ
วันนี้ (16 ต.ค.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี มีรายละเอียดดังนี้
จดหมายเปิดผนึก ด่วนที่สุด! เตือนรัฐบาลให้รีบยกเลิก MOU 2543 เพื่อปกป้องไม่ให้ทหารและราชวงศ์เสียหาย จากการยึดภูมะเขือและสร้างรั้ว/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
กราบเรียน ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
กรณีที่กัมพูชาได้ทำการยิงจรวด BM-21 ใส่พลเรือนไทย เข่นฆ่าพลเมืองไทยในพื้นที่ซึ่งไม่ใช่บริเวณพิพาท เป็นการ “ละเมิดอย่างร้ายแรง” ต่อข้อ 8 ใน MOU 2543 อีกทั้งยังวางทุ่นระเบิดใหม่ทำร้ายทหารไทยให้เสียชีวิต พิการ และบาดเจ็บ อันเป็นการกระทำที่ละเมิดร้ายแรงถึงขั้นสวนทางการเก็บกู้ระเบิดตามข้อ 3 ใน MOU 2543 ซึ่งประเทศไทยย่อมมีสิทธิยกเลิก MOU 2543 ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญา ค.ศ.1969
การละเมิด MOU 2543 อย่างร้ายแรง เป็นสาเหตุที่ทำให้ทหารไทยต้องฉีก MOU 2543 ไปโดยพฤติกรรมไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการใช้กำลังทหารตอบโต้เพื่อการปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และรักษาชีวิตประชาชนคนไทย รวมถึงการยึดจุดสูงข่มที่เป็นของประเทศไทยกลับคืนมา ซึ่งรวมถึงภูมะเขือ ปราสาทตาเมือนธม และอีก 11 จุด บริเวณกองทัพภาคที่ 2 ตลอดจนการสร้างรั้วบริเวณชายแดน เพื่อการป้องกันตนเองส่วนบุคคลหรือส่วนรวมตามกฎบัตรสหประชาชาติมาตรา 51
เมื่อสภาความมั่นคงแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบที่จะสร้างรั้วบริเวณชายแดนไทย รวมถึงกองทุนหทัยทิพย์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเปิดโครงการกองทุนหทัยทิพย์ และพระราชทานเงินส่วนพระองค์ 1,000,000 บาท และสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงบริจาคเงิน 100,000 บาท เพื่อสมทบกองทุนหทัยทิพย์ในการสร้างป้องกันและแก้ไขปัญหาวิกฤตความมั่นคงและความปลอดภัยของประชาชนรวมถึงการ “สร้างรั้วถาวร” เพื่อป้องกันภยันอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินและอธิปไตยของชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยผู้บริสุทธิ์ให้ดีขึ้น
หากแต่รัฐบาลไทยยังคงยึดมั่นและไม่ยกเลิก MOU 2543 การยึดแผ่นดินไทยกลับมาทั้ง 11 จุด และสร้างธงชาติไทยถาวรบริเวณภูมะเขือ รวมถึงการสร้างรั้วจะสุ่มเสี่ยงต่อการผิดต่อ ข้อ 5 ของ MOU 2543 ที่กัมพูชาจะนำไปอ้างเพื่อทำให้ประเทศไทยเสียหายได้ เพราะในความจริงแล้วการกระทำที่ผ่านมาของประเทศไทยนั้นเกิดขึ้นเพราะ กัมพูชาได้ “ละเมิดอย่างร้ายแรง” ตามข้อ 8 และข้อ 3 ใน MOU 2543 ทั้งสิ้น
หากรัฐบาลไทยยังไม่ยกเลิก MOU 2543 และอาจทำให้กัมพูชาฉวยโอกาสความไม่เข้าใจในประเด็นนี้ ร้องเรียนต่อนานาชาติต้องให้ประเทศไทยทำลายสิ่งปลูกสร้าง ถอนธงชาติไทย ถอนทหารไทยออกจากภูมะเขือเพื่อให้เป็นไปตามพื้นที่ซึ่งปรากฏตามข้อ 1(ค) รวมถึงทุบทำลายรั้วที่สร้างขึ้นหรือกำลังจะสร้างขึ้นมาด้วย
และหากประเทศไทยจัดให้มีการประชุม JBC ในวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 ย่อมแสดงว่าฝ่ายไทยจะถูกจำกัดสิทธิโดยมาตรา 45 ที่จะอ้างได้ว่ากัมพูชาไม่ได้ละเมิดร้ายแรงต่อ MOU 2543 ที่ฝ่ายไทยจะยกเลิก MOU 2543 ตามมาตรา 60 ของอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญา ค.ศ.1969 ซึ่งจะทำให้ฝ่ายไทยไม่สามารถอ้างเรื่องกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรงในทางสากลได้อีก ถึงตอนนั้นจะทำให้ฝ่ายไทยอาจได้รับความเสียหายต่อการถูกยึดพื้นที่แผ่นดินไทย การต้องถอนธงชาติ หรือทำลายการสร้างรั้วทั้งหมดที่ผ่านมา
จึงเรียนมาเพื่อขอให้ท่านพิจารณาเร่งด่วนในการชะลอการประชุม JBC ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-22 ตุลาคม 2568 แล้วประกาศยกเลิก MOU 2543 เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดร้ายแรง ตามมาตรา 60 ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 ทั้งนี้ เพื่อปกป้องดินแดนไทยทั้ง 11 จุด รวมทั้งฐานธงชาติไทยภูมะเขือ ตลอดจนรั้วชายแดนไทย และเพื่อมิให้เสียหายต่อสถาบันทหาร สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์สืบไป
ด้วยจิตคารวะ
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน
16 ตุลาคม 2568
https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1341091834051180&id=100044511276276