ศาลปค.สูงสุด สั่งระงับประกาศของอธิบดีกรมศิลปากรที่กำหนดพื้นที่ 2,287 ไร่ เป็นเขตของโบราณสถานเมืองพิมาย เหตุเป็นการออกประกาศกำหนดพื้นที่ ที่ขาดการศึกษาและผลการสำรวจที่มีข้อมูลหลักฐานทางวิชาการสนับสนุน
วันนี้ (15 ต.ค.) ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้อธิบดีกรมศิลปากรระงับการกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมาย ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา บางส่วน ซึ่งแจ้งตามหนังสือ ที่ วธ 0402/3315 ลงวันที่ 16 ต.ค.2560 เฉพาะส่วนที่อยู่บริเวณนอกเขตเมืองพิมาย พื้นที่ประมาณ 2,287 ไร่ 2 งาน 77.5 ตารางวา ในคดีที่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้ครอบครองที่ดินในพื้นที่ที่จะประกาศกำหนดเขตที่ดินเป็นเขตของโบราณสถานเมืองพิมาย จำนวน 427 ราย ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองนครราชสีมา เพื่อขอให้ระงับประกาศของอธิบดีกรมศิลปากรที่กำหนดให้ที่ดินเป็นเขตของโบราณสถานเมืองพิมาย พื้นที่ประมาณ 2,658 ไร่ 25 ตารางวา
โดย ศาลให้เหตุผลว่า การที่อธิบดีกรมศิลปากรมีประกาศกำหนดเมืองพิมายเป็นโบราณสถาน แม้จะมิได้กำหนดเขตพื้นที่ว่ามีพื้นที่ของโบราณสถานจำนวนเท่าใด แต่ก็มีโบราณสถานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว และอยู่ภายในเขตกำแพงและประตูทั้งสี่ทิศด้วย และต่อมาได้มีการประกาศกำหนดขอบเขตโบราณท่านางสระผม ลงวันที่ 28 เม.ย.2524 และประกาศกำหนดขอบเขตโบราณกุฎิฤาษีน้อย ลงวันที่ 15 มี.ค.2526 ตามลำดับ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสมและจำเป็นแล้ว อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมศิลปากรยังมิได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนและความจำเป็นที่ต้องกำหนดเขตของโบราณสถาน เพื่อการดูแลรักษาและควบคุมกลุ่มโบราณสถานที่ยังไม่ได้รับการขึ้นทะเบียนและพื้นที่ที่อยู่นอกเขตประตูเมืองพิมาย เช่น ถนนโบราณ แนวคันดิน/ถนนโบราณ และสระช่องแมว รวมทั้งส่วนบริเวณที่ไม่มีโบราณสถาน ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมในระดับรองลงมาจากพื้นที่ในเขตประตูเมืองพิมาย และพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไป เช่น บารายใหญ่ด้านทิศใต้ (สระน้ำใหญ่ด้านทิศใต้) และแนวคันดินโบราณบ้านส่วย - ลำน้ำเค็ม คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 2,287 ไร่ 2 งาน 77.5 ตารางวา
นอกจากนี้ ยังไม่ปรากฏรายงานการศึกษาและผลการสำรวจที่มีข้อมูลหลักฐานทางวิชาการสนับสนุนว่า พื้นที่ดังกล่าวมีหลักฐานความเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าสำคัญที่เป็นข้อสนับสนุนที่รับฟังได้สมเหตุสมผล และมีความจำเป็นหรือความเร่งด่วนที่เป็นฐานในการใช้ดุลพินิจในการกำหนดเขตที่ดินเป็นเขตของโบราณสถาน เพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาและการควบคุมโบราณสถาน
ดังนั้น การที่อธิบดีกรมศิลปากรจะกำหนดเขตที่ดินดังกล่าวเป็นเขตของโบราณสถานเมืองพิมาย ที่อยู่บริเวณนอกเขตเมืองพิมายเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สมควรระงับการกำหนดเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมาย ตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา บางส่วน ซึ่งแจ้งตามหนังสือ ที่ วธ 0402/3315 ลงวันที่ 16 ต.ค.2560 เฉพาะส่วนที่อยู่บริเวณนอกเขตเมืองพิมาย พื้นที่ประมาณ 2,287 ไร่ 2 งาน 77.5 ตารางวา