“ปลอดประสพ” เผยผลตรวจอุโมงค์สามเสนทรุดต่อเนื่องอีก 25 ม. เสี่ยงถล่มอันตรายถึงชีวิต เตรียมแจ้งกทม.ปิดพื้นที่ทันที ซัดบริษัทผู้รับเหมาไม่เคยมาชี้แจง กมธ.จ่อใช้ พ.ร.บ.อำนาจเรียกฯ ดำเนินคดี หากยังเฉย 2 สส.ปชน.ขอเพิ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระร่วมสอบ กู้ความเชื่อมั่นและเร่งหาผู้รับผิดชอบต่อเหตุสะเทือนใจปชช.
วันที่ (15 ตุลาคม 2568) ที่อาคารรัฐสภา นายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างและความปลอดภัย พร้อมด้วยนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ รองประธานคณะ กมธ.คนที่หนึ่ง และนายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ส.ส.พรรคประชาชน แถลงความคืบหน้ากรณี ถนนสามเสนยุบตัวหน้าวชิรพยาบาล ว่า หลังจากคณะ กมธ.ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ ล่าสุดได้รับรายงานทางเทคนิคว่าการทรุดตัวยังคงดำเนินต่อไป โดยอุโมงค์ทั้ง 2 ชั้นได้เคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันออกเพิ่มอีก ประมาณ 25 เมตร เสี่ยงอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้เส้นทาง
นายปลอดประสพ ระบุว่า หากไม่เร่งปิดพื้นที่ ประชาชนที่สัญจรอยู่เหนืออุโมงค์อาจประสบอุบัติเหตุถึงชีวิตได้ จึงเตรียมแจ้งให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก เข้าดำเนินการเตือนภัยและสั่งปิดพื้นที่โดยเร่งด่วน พร้อมเปิดเผยว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เข้าชี้แจงแล้ว 2 ครั้ง บริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานมา 1 ครั้ง แต่ บริษัทผู้รับเหมาไม่เคยมาชี้แจงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่สถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤต
“ขณะนี้อุโมงค์แตกและทรุดอย่างต่อเนื่อง ไม่มีใครเตือนประชาชน ซึ่งอาจพังลงเมื่อไรก็ได้ คณะ กมธ.ไม่มีทางเลือก จึงเตรียมใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.อำนาจเรียกของคณะกรรมาธิการฯ พ.ศ. 2568 หากบริษัทหรือหน่วยงานใดไม่มาให้ข้อมูลจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที” นายปลอดประสพกล่าว พร้อมระบุว่าจะประสานให้หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบ เช่น ตำรวจและโรงพยาบาล แจ้งความดำเนินคดีเพื่อเริ่มต้นกระบวนการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบ
ด้าน นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ส.ส.พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนพื้นที่ เปิดเผยว่า ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดและตั้งกระทู้สดถามนายกรัฐมนตรีเมื่อ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีให้คำมั่นว่าจะตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา แต่จนถึงขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่เปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส
นายปารเมศกล่าวว่า กมธ.ได้เสนอให้กระทรวงคมนาคมเพิ่มสัดส่วนผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาชนเข้าร่วมในคณะกรรมการตรวจสอบอุบัติเหตุ จากเดิม 11 คนมีเพียง 2 คนที่เป็นตัวแทนจากภาคอิสระ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการตรวจสอบ และเรียกร้องให้พิจารณา ขึ้นบัญชีดำ (แบล็กลิสต์) บริษัทผู้รับเหมาหากพบความผิดพลาดในการก่อสร้าง
ขณะที่ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ รองประธาน กมธ.ฯ กล่าวเสริมว่า ต้องเรียกร้อง ความรับผิดชอบและสามัญสำนึกจากหน่วยงานรัฐและผู้รับเหมา เพราะแม้ กมธ.ได้รับมอบหมายจากสภาโดยตรงให้ติดตามเรื่องนี้ แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงไม่ให้ข้อมูล ถือเป็นการเพิกเฉยต่อความปลอดภัยของประชาชนอย่างร้ายแรง
“ผ่านมา3 สัปดาห์ ยังไม่มีคำชี้แจงจากผู้รับเหมาและ รฟม. ว่าสาเหตุของการทรุดเกิดจากอะไร ถ้าหน่วยงานยังอ้างว่าไม่ทราบอะไรเลย ก็ต้องตั้งคำถามถึงศักยภาพและความโปร่งใสของโครงการนี้อย่างจริงจัง” นายศุภณัฐกล่าว
คณะ กมธ.จะรายงานข้อเท็จจริงต่อสภาผู้แทนราษฎรและเตรียมดำเนินมาตรการตามกฎหมาย หากหน่วยงานหรือบริษัทใดไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมย้ำว่าต้องให้ประชาชนในพื้นที่รับรู้ถึงอันตราย เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยและคุ้มครองความปลอดภัยของสังคมโดยเร่งด่วน