‘ภคมน‘ ชี้ชัด รธน.ปี 60 คือมรดกคณะรัฐประหาร จงใจทำการเมืองเป็นเรื่องสกปรก-ซับซ้อน ลั่น รธน.ใหม่คือทางรอดเดียวของประชาชน
วันนี้ (15 ต.ค.68) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระเรื่องด่วน พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... ที่เสนอโดย 3 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย
นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่าเรื่องแก้รัฐธรรมนูญในประเทศไทยถูกทำให้เป็นเรื่องยากและไกลตัว แม้แต่นักการเมืองบางส่วนก็เลี่ยงที่จะพูดและอธิบายกับประชาชน โดยให้เหตุผลว่าเรื่องรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการเมืองเชิงเทคนิคเหมาะกับนักกฎหมายมากกว่า เหตุผลเหล่านี้ทำให้ประชาชนรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องเข้าใจยาก เป็นเรื่องการเมืองของชนชั้นนำ ห่างไกลกับปากท้องของคนรากหญ้า ความรู้สึกเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากการที่ประชาชนไม่ตื่นรู้ แต่เกิดจากการที่ชนชั้นนำพยายามจะทำทุกวิถีทางเพื่อเอารัฐธรรมนูญออกห่างประชาชน ชนชั้นนำทำแบบนี้จนเป็นวัฒนธรรม
แม้แต่ระบบการศึกษาไทยสอนแค่ว่า รัฐธรรมนูญคือกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่หลักสูตรไม่ได้สอนว่าประชาชนเป็นเจ้าของรัฐธรรมนูญ หรือสอนให้เข้าใจว่าเหตุใดทุกครั้งที่มีการต่อสู้ทางการเมืองต่างฝ่ายถึงต้องการจะเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ได้สอนว่าทำไมหลังจากที่คณะรัฐประหารฉีกและร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่มักจะมีคนบางกลุ่มที่รวยขึ้นและบางกลุ่มจนลง
ในทางประวัติศาสตร์การฉีกรัฐธรรมนูญจากการรัฐประหารหลายครั้ง ทำให้เกิดภาพว่ารัฐธรรมนูญเป็นเรื่องการเมืองสกปรก ประชาชนผู้บริสุทธิ์ไม่ควรเข้ามาเกี่ยวข้อง ปัจจุบันหลายองค์กรพยายามผลักดันให้มีการแก้ไขและร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย ถูกกีดกันจนเป็นเงื่อนไขทางการเมืองที่ซ้ำซ้อน น่าเบื่อ ไร้ความหวัง ไม่มีใครอยากจะยุ่ง
ตนเองในฐานะตัวแทนประชาชนอยากบอกกับประชาชนคนไทยทุกคนว่ารัฐธรรมนูญมีคนจงใจทำให้ซับซ้อน เมื่อใดก็ตามที่ได้ยินว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้แก้ไขไม่ได้ แก้ไขยาก ทำไม่ได้ นี่คือกลไกที่ชนชั้นนำวางเอาไว้และพยายามจะรักษาผลประโยชน์ของตนเองอย่างถึงที่สุดเพื่อปกป้องปากท้องของพวกเขา ขณะเดียวกันก็เป็นการทำลายปากท้องของพี่น้องประชาชน
จึงขอสื่อสารไปยังประชาชนคนไทยทุกคนว่า รัฐธรรมนูญเกี่ยวข้องโดยตรงกับการมีชีวิตอยู่ของทุกคนในประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญคือสาเหตุของสภาพปากทท้อง มีเพียงคนส่วนน้อยที่ร่ำรวยขึ้นมหาศาล มีอำนาจทั้งทางการเมืองและอำนาจในการควบคุมครอบงำเศรษฐกิจของประเทศ ปรากฏการณ์เหล่านี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่เรื่องของบุญกรรม แต่เป็นผลจากการออกแบบโครงสร้างและกลไกทางการปกครองที่คณะรัฐประหารและพวกพ้องได้ไตร่ตรองเอาไว้แล้ว
นางสาวภคมน ย้ำว่ารัฐธรรมนูญที่เป็นมรดกของคณะรัฐประหาร เป็นต้นเหตุของปัญหาปากท้อง เป็นต้นเหตุของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เพราะรัฐธรรมนูญวางโครงสร้างไว้ให้คนรวยจำนวน 1% พุ่งตัวทะยานขึ้นกอบโกยเหยียบหัวคนส่วนมาก คำกล่าวที่ว่ารัฐธรรมนูญเป็นต้นเหตุของปัญหาปากท้อง จึงไม่เกินจริง แม้รัฐธรรมนูญจะไม่ได้กำหนดราคาสินค้าอย่างไฟฟ้า น้ำมัน ยางพารา ปาล์ม ค่าบริการขนส่งสาธารณะ อัตราภาษีเงินได้ อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่สิ่งที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำมีมากกว่านั้นคือ การมีอำนาจชี้ขาดว่าใครจะมาเป็นคนบริหารทรัพยากรของประเทศ ควบคุมโอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่ส่งผลดีกับประชาชนอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2560 เรามีนายกรัฐมนตรีมาแล้ว 4 คน แต่ไม่มีนายกรัฐมนตรีคนใดที่มาจากพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งถูกทำลายให้อ่อนแอลงด้วยกลไกรัฐธรรมนูญ ถูกตัดสิทธิ์ยุบพรรค ทำลายเจตนารมณ์ของประชาชน สรุปง่าย ๆ ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ประชาชน ไม่มีทางได้รับการสนองนโยบายที่ใฝ่ฝันจากรัฐบาลที่มอบความไว้วางใจให้ พรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งแล้วผลักดันนโยบายไม่ได้ก็อ่อนแอลง ประชาชนไม่เชื่อมั่นการเมืองระบอบรัฐสภา ก็เข้าเกมของชนชั้นนำ
ทั้งหมดคือ โครงสร้างอำนาจที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้สร้างขึ้น หากไม่แก้ไขหรือสร้างขึ้นมาใหม่ เราจะอยู่ในวงโคจรการเมืองที่ไร้ความหวัง สังคมเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงมาก หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะทำให้คนบางกลุ่มซึ่งเป็นคนส่วนน้อยเสียผลประโยชน์การแก้ไขปัญหาปากท้อง การลดความเหลื่อมล้ำจึงเป็นการต่อสู้ทางการเมือง แต่การต่อสู้ทางการเมืองนี้ยากเหลือเกินที่ประชาชนจะเป็นผู้ชนะ เพราะรัฐธรรมนูญได้ออกแบบกติกาให้ประชาชนเสียเปรียบตั้งแต่แรก การแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนจะแก้ได้ที่ต้นเหตุก็คือ การแก้รัฐธรรมนูญ
ในสังคมประชาธิปไตย ประชาชนต้องส่งเสียงผ่านตัวแทนเข้าไปแก้ปัญหาปากท้อง แต่รัฐธรรมนูญปัจจุบันกลับออกแบบให้เสียงของประชาชนเงียบ ไร้ความหมาย มีที่ไหนองค์กรที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งมีสิทธิ์ที่จะยุบพรรคการเมืองที่เลือกมาได้ นี่เป็นรัฐธรรมนูญที่สร้างระบอบการปกครองที่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องปากท้องของประชาชนตั้งแต่แรก
การที่ประชาชนได้ใช้อำนาจกำหนดหน้าตาของรัฐธรรมนูญใหม่คือ การปลดล็อกเศรษฐกิจ และการทลายขีดจำกัดที่ถูกสร้างขึ้นด้วยชนชั้นนำ นี่ไม่ใช่เรื่องการเมืองน้ำเน่า ไม่ใช่เรื่องกฎหมายที่ซับซ้อนน่าปวดหัว แต่เป็นการตัดสินว่านับจากนี้ต่อไป พี่น้องประชาชนคนไทยจะได้ลืมตาอ้าปากได้หรือไม่
เราต้องไม่ลืมว่ามีสิ่งใดที่ชนชั้นนำต้องการมากกว่าการที่ประชาชนรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังไงก็แก้ไม่ได้ เลิกพยายามดีกว่า เอาเวลาไปทำมาหากินแม้ไม่ร่ำรวยอย่างน้อยก็ไม่อดตาย การที่ประชาชนไร้ความหวังคือสิ่งที่ชนชั้นนำต้องการ ตนเองเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อแค่เอาตัวรอดไม่ให้อดตาย การใฝ่ฝันที่จะมีลูกให้เข้าเรียนโรงเรียนดี ๆ วันหนึ่งเจ็บป่วย มีโอกาสไปรักษาในโรงพยาบาลดี ๆ ทำงานมีเงินมีรายได้มีเงินเก็บเยอะ ๆ คือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ แล้วจะมีค่าอะไร ถ้าเราต้องใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยเลิกหวังเลิกฝันว่าชีวิตนี้ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
”รัฐธรรมนูญฉบับนี้พรากความฝัน พรากความหวัง พรากความเป็นไปได้ของชีวิตคนธรรมดาแทบหมดสิ้น ดิฉันในฐานะผู้แทนราษฎรยืนยันว่า อำนาจการร่างรัฐธรรมนูญใหม่เป็นอำนาจประชาชน และรัฐธรรมนูญคือทางรอดเดียวของประชาชน“ นางสาวภคมน ทิ้งท้าย