’ณัฐพงษ์‘ บอกเด็ดทุกคน ขุนพล ปชน.อภิปรายแก้ รธน. ยันไม่มีล็อกสเปกชั้น กมธ. ปัดตอบ 'อนุทิน' มีผล สว.โหวตรับ ขู่ยื่นซักฟอกแน่ หากรัฐบาลทำประเทศเสียหาย
วันนี้ (14 ต.ค. 68) นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์กรณีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 14-15 ต.ค.68 ว่า พรรคประชาชนเตรียมผู้อภิปรายไว้พร้อมมีประมาณ 20 คน โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน และตนเองจะเป็นผู้อภิปรายปิด ซึ่งมีการแบ่งหมวดอภิปรายไว้ครบทุกหมวด ทั้งนี้ การอภิปรายทั้ง 2 วัน คือเรื่องรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 กระบวนการที่จะนำไปสู่การทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในส่วนพรรคประชาชน เตรียมเนื้อหาเพื่อให้ประชาชนเห็นถึงความจำเป็นไม่ใช่แค่การแก้ไขปัญหาการเมือง แต่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาปากท้อง และคุณภาพชีวิต
โดยผู้อภิปรายเด็ดทุกคน เตรียมเนื้อหามาค่อนข้างเข้มข้น เราเตรียมเนื้อหาไว้ครบทั้งการแก้ปัญหาใกล้ตัว การกระจายอำนาจ และการถ่วงดุลตรวจสอบ เพื่อให้ กลไกศาลและองค์กรอิสระไม่ถูกใช้เป็นอาวุธในการทำลายทางการเมือง ส่วนที่ฝั่งรัฐบาลและ สว.ยืนยันว่าต้องไม่แตะหมวด 1 หมวด 2 ไม่ว่าจะเป็นร่างของพรรคใดก็ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปี 2560 ล็อคไว้อยู่แล้ว ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องไม่เปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นทั้งร่างของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยกังวลว่า พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนจะตีตกร่างของพรรคเพื่อไทย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ต้องดูการอภิปรายว่าแต่ละส่วนให้เหตุผลอย่างไร แต่จากที่ตนติดตาม ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย และสว.บางส่วน มีแนวโน้มจะรับทุกร่าง ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรให้ผู้ยกร่างมีความยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด
หากใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลักจะมีข้อครหาหรือไม่ว่าที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า วิเคราะห์กันได้ หลายคนก็ตั้งคำถามว่าร่างของพรรคภูมิใจไทยมีความยึดโยงกับประชาชนน้อยหน่อย แต่ไม่ว่าร่างของใครจะเป็นร่างหลัก ก็ยังสามารถผลักดันในชั้นกรรมาธิการได้ เพราะเมื่อคำนวณสัดส่วนของกรรมาธิการแล้วความสมดุล และหากผ่านชั้นกรรมาธิการแล้วเป็นร่างที่พรรคประชาชนไม่สามารถยอมรับได้ พรรคประชาชนก็ไม่สามารถลงมติรับร่างในวาระที่ 3 ได้
เมื่อถามว่า แม้ สส.จะเห็นไปทางเดียวกันแต่ในส่วน สว. จะถูกมองว่าเป็นการตีกินหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่ได้ห่วงว่าเป็นการตีกิน เพราะในสัดส่วนของกรรมาธิการไม่มีใครสามารถตีกินได้ อย่างไรก็ตาม สว.ส่งสัญญาณโหวตรับทั้ง 3 ร่าง ต้องดูว่ามีใครสามารถเข้าไปพูดคุยได้หรือไม่ เพราะเป็นหน้าที่ของทุกพรรคที่ต้องพูดคุยกับสมาชิกรัฐสภาทุกฝ่าย แต่หนึ่งในนั้นคือคนที่อยู่ใน MOA คือ นายอนุทินชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เชื่อว่าการจะทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านทั้ง 3 วาระ นายอนุทินก็เป็นส่วนสำคัญที่ไปทำความเข้าใจกับทุกภาคส่วน
เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่า สว.โหวตให้เพราะสนับสนุนนายอนุทินใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตนเองไปพูดแบบนั้นอาจจะขัดหลักการทุกคนประเมินเอาดีกว่า พรรคภูมิใจไทยก็คงยอมรับในที่สาธารณะไม่ได้ ส่วนนายอนุทินมีผลหรือไม่นั้น ต้องไปประเมินเอา แต่เชื่อว่า ประชาชนเล็งเห็นได้ว่าการตัดสินใจของพรรคประชาชนที่โหวตให้นายอนุทิน ทำให้เกิดการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมีนัยสำคัญจาก 2 ปีที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย
เมื่อถามว่า มองว่ามีการล็อกสเปกการแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า สัดส่วนของกรรมาธิการไม่มีใครสามารถกินรวบได้ ดังนั้นจะกินรวบหรือไม่ขอให้ดูการทำหน้าที่ของกรรมาธิการ ส่วนกฎหมายประชามติฉบับใหม่ยังไม่ประกาศใช้ หากต้องเดินหน้าทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประเมินว่าร่างประชามติจะประกาศใช้ทัน ทั้งนี้กระบวนการส่งร่างรัฐธรรมนูญให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการทำประชามติ ต้องรอดูว่าพ.ร.บ.ประชามติจะประกาศใช้เมื่อไหร่ เพื่อไม่ให้มีข้อขัดข้องทางกฎหมาย
ทั้งนี้ที่พรรคภูมิใจไทยยืนยันจะใช้ร่างของพรรคภูมิใจไทยเป็นร่างหลัก พรรคประชาชนยืนยันว่าจะใช้ร่างของเราเป็นร่างหลัก ซึ่งเป็นสิทธิ์ของทุกพรรคจะเสนอร่างของตัวเองเป็นร่างหลัก แต่อยู่ที่ผลการลงมติ และในส่วนของวิปก็ต้องมีการพูดคุยเจรจากัน ท้ายที่สุดหากหาจุดลงตัวกันไม่ได้ก็ต้องดูที่ผลการลงมติ
โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านวาระแรก แล้วต้องรอจนถึงวาระที่ 3 จะทำให้เกิดช่องว่างของการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ยืนยันว่า จะไม่หยุดทำหน้าที่ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน ในระหว่างนี้ถ้าเราเห็นว่ามีการดำเนินการอย่างหนึ่งหนึ่งอย่างใดของรัฐบาล ที่อาจทำให้ประเทศเสียหาย โดยที่ไม่สามารถเรียกคืนความเสียหายเหล่านั้นกลับมาได้อีก พรรคประชาชนจะเดินหน้าอย่างเต็มที่ เช่น กลไกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ยังเป็นสิ่งที่เราเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น ถ้าใครได้รับผลกระทบของการใช้อำนาจของรัฐบาล เช่น การแต่งตั้งโยกย้าย ก็สามารถให้ข้อมูลมายังพรรคประชาชนได้
เมื่อถามย้ำว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขให้ไม่อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขเพียงหนึ่งเดียว ถึงแม้การโหวตนายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้เงื่อนไข MOA มีเป้าประสงค์ในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะสามารถเอาไปแลกกับความเสียหายในประเทศทุกเรื่อง เพราะฉะนั้น การดำเนินการทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขชายแดนไทย-กัมพูชา การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หรือไปยุ่งเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม ซึ่งหากรัฐบาลนำอำนาจไปใช้ทำให้ประเทศไทยเสียหาย เราเองก็ไม่สามารถที่จะยอมได้