xs
xsm
sm
md
lg

“กัน จอมพลัง” ปะทะ “อังคณา” เมื่อเสียงผี เข้าหูคนโลกสวย ดรามาก็บังเกิด! ** วัดใจ“พรรคน้ำเงิน” จะโหวตให้ ร่าง แก้รธน. ของ“พรรคส้ม” ที่ไม่ห้ามแตะ หมวด 1-2 หรือไม่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กัน จอมพลัง – อังคณา นีละไพจิตร - อนุทิน ชาญวีรกูล
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ “กัน จอมพลัง” ปะทะ “อังคณา” เมื่อเสียงผี เข้าหูคนโลกสวย ดรามาก็บังเกิด!

ดรามาชายแดนไทย–กัมพูชา ยังไม่จบง่าย เมื่อเสียง “ผี–เครื่องบิน–F16” กลายเป็นอาวุธจาก "กัน จอมพลัง” หรือ กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวช อินฟลูเอนเซอร์ ที่ขึ้นแท่นคนเดือดแห่งชายแดนสระแก้ว จัดให้ฝั่งเขมร!

จากนั้นแทนที่จะได้เห็นปฏิกิริยาฝั่งเขมร กลับได้เสียงเตือนจาก “อังคณา นีละไพจิตร” สมาชิกวุฒิสภา อดีตนักสิทธิมนุษยชนตัวแม่ ที่ออกมาเตือนแรง พร้อมทิ้งเชิงว่า การกระทำแบบนี้อาจกระทบต่อสัญญาทวิภาคี และภาพลักษณ์ประเทศ
ประโยคเดียวจุดไฟทันที!

ชาวเน็ตและคนดังหลายคน "เห็นต่าง" อังคณา พาทัวร์ลงสว.โดยตั้งฉายาให้เป็น "สว.โลกสวย" โดยพลัน

ขณะที่ “กัน จอมพลัง” สวนกลับแบบไม่ไว้หน้าในสไตล์นักบู๊ บอกว่า อย่าพูดเท่ ถ้าไม่เคยมาเห็นของจริง! อังคณาห่วงใครกันแน่…คนไทยหรือเขมร?

กัน จอมพลัง
งานนี้ "กัน จอมพลัง" ฟาดเดือด

ว่า คนพูดบางคนไม่เคยเหยียบพื้นที่ ไม่เคยเห็นชาวบ้านถูกยึดที่ ไม่เคยเห็นทหารไทยที่เสียชีวิตเพราะปืนข้ามแดน แล้วจะเข้าใจความเดือดร้อนยังไง ?

เขายังยกตัวอย่างว่า คนที่เดือดร้อนก็คือคนที่อยู่ในพื้นที่ ซึ่งกัมพูชาไม่ยอมให้ชาวบ้านที่มีเอกสารสิทธิ์เข้าไปทำมาหากิน แต่กรณี "กำนันลี" เป็นชาวเขมร แต่มาสร้างบ้านที่ประเทศไทยได้อย่างไร!? และยังมีการวางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล อีกด้วย
“กัน จอมพลัง” ย้ำว่า สิ่งที่ทำคือ “ลองวิธีใหม่” หลังจากรอรัฐมานานหลายสิบปี ไม่เห็นผล และยืนยันว่ามีการประสานกับเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงแล้ว..ไม่ได้บ้าทำเอง!

แต่ที่ทำให้ชาวเน็ตหันมาฟังคือ ประโยคเด็ดที่สั่นสะเทือนฟีดว่า

อังคณา นีละไพจิตร
"อังคณา" อย่ากินภาษีประชาชน แล้วพูดแต่คำเท่ๆ …ลองลงมาช่วยทหารกับชาวบ้านสักวันดูแล้วจะรู้

“กัน” ยังว่า สิ่งที่น่ากังวลคือการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ขอตั้งคำถามว่า หากเขมรนำคำพูดของ “อังคณา” ไปสนับสนุนในฝั่งเขา จะดีหรือไม่ หรือจะเป็นการชี้เป้าให้กัมพูชา!?

ส่วน "อังคณา" หลังจากโดนทัวร์กระหน่ำ ก็ออกมาบอกว่า ตัวเองไม่ได้ตำหนิใคร ที่โพสต์เป็นการแปลหนังสือของประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) แห่งกัมพูชา ที่เขาทำหนังสือโดยตรง ถึงข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เป็นการแปลข้อความ และกังวลว่าจะเป็นการทรมานทางจิตวิทยาตามที่เขาอ้างหรือไม่ !?

เพราะเป็นการกระทำต่อพลเรือน เขาพูดถึงผลกระทบต่อผู้เปราะบาง เช่น ผู้หญิง ผู้สูงอายุ เด็ก เป็นต้น รวมถึงเป็นการตั้งคำถามว่า ผู้แทนไทยจะตอบในเวทีสากล ว่าอย่างไร ?

งานนี้ก็ไม่รู้ว่า ชาวเน็ตฟังแล้วรู้สึกอย่างไร ส่วนใหญ่ชอบ "กัน จอมพลัง" ว่าเล่นแรง โดนใจแฟนคลับสาย “รักชาติ” พร้อมๆ กับมองว่า “กัน” คือคนจริงที่ลงมือทำในสิ่งที่คนโลกสวย "นักรบห้องแอร์" พูดสวยๆ ไม่กล้าทำ

สุดท้ายดรามานี้น่าจะยังไม่จบแน่ๆ เพราะความตึงเครียดชายแดนยังคงอยู่ ระหว่างนี้ท่านใดอยากเป็นทีมเชียร์ “อังคณา” ที่ห่วงภาพลักษณ์ประเทศ หรือ อยู่ทีมขาลุย “กัน จอมพลัง” ก็เลือกกันตามอัธยาศัย นะจ๊ะ!

อนุทิน ชาญวีรกูล
++ วัดใจ“พรรคน้ำเงิน” จะโหวตให้ ร่าง แก้รธน. ของ“พรรคส้ม” ที่ไม่ห้ามแตะ หมวด 1-2 หรือไม่ !?

การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเริ่มขึ้นในวันที่14-15 ตุลาคม นี้

เป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 เพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) มายกร่างใหม่ทั้งฉบับ

ร่างแก้ไข ที่ได้รับการบรรจุให้รัฐสภาพิจารณา มีด้วยกัน 3 ร่าง คือ ร่างของพรรคเพื่อไทย , พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทยกับพรรคร่วมรัฐบาล

ทั้ง 3 ร่าง มีความแตกต่างกันทั้ง จำนวน และที่มาของสสร. ผู้จะมาทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

แต่ไม่ว่าร่างใด ก็ต้องยึดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ระบุชัดว่า สสร. ต้องไม่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน
ก่อนหน้านี้ สสร. ตามโมเดลของพรรคประชาชน จะให้มาจากการเลือกตั้งจากกประชาชนโดยตรง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงต้องมีการปรับปรุงกันใหม่

ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ
ล่าสุด “โมเดลของพรรคประชาชน” ให้มี สสร.135 คน แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. เป็นกรรมาธิการยกร่างรธน. 35 คน ที่เลือกผ่านระบบรายชื่อ โดยผู้ได้คะแนนสูงสุด 70 อันดับ ส่งให้รัฐสภาพิจารณา และลงมติในสภา เหลือ 35 คน 2. สภาที่ปรึกษาจากตัวแทน “จังหวัด” 100 คน มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง เพื่อทำหน้าที่รับฟังความเห็นประชาชน และสะท้อนความเห็นต่อ กมธ.ยกร่าง รธน. ซึ่งตรงนี้พรรคประชาชนเลี่ยงไปใช้คำว่า เป็น “สภาที่ปรึกษา”

“โมเดลของพรรคเพื่อไทย” มีสสร. 151 คน มาจากคณะบุคคล 2 ชุด หลัก คือ 1. สสร. จังหวัด 100 คน มีที่มาจากการเลือกของทั้งประเทศรวม 300 คน จากนั้นให้รัฐสภาคัดเหลือ 100 คน 2. สสร. คัดเลือก 51 คน มาจากการเสนอชื่อจากสภาผู้แทนฯ และครม. จากนั้นให้มีคณะกมธ.ยกร่าง รธน. 27 คน แบ่งเป็น 14 คน เลือกจาก สสร. 151 คน และ อีก 13 คน เลือกจากผู้เชี่ยวชาญ ด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์

“โมเดลของพรรคภูมิใจไทย” สสร. 99 คน เป็นคณะบุคคลชุดเดียว แต่มาจาก 2 ประเภทคือ 1. สสร. จังหวัดจำนวน 77 คน โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดรับสมัครผู้ประสงค์จะเป็นสสร. จากนั้นให้รัฐสภาคัดเลือกเหลือจังหวัดละ 1 คน รวม 77 คน 2. สสร. ผู้ทรงคุณวุฒิ 22 คน มีที่มาจากภาควิชาการ ด้านนิติศาสตร์ 7 คน รัฐศาสตร์ 7 คน และผู้เชี่ยวชาญ 8 คน ทั้งนี้ สสร. จะเป็นผู้เลือกบุคคล 25 คน ไปเป็น กมธ.ยกร่าง รธน.

แน่นอนว่า ทั้ง 3 พรรค ต่างต้องการให้ ร่างของพรรคตัวเอง ใช้เป็นร่างหลักในการพิจารณา ในชั้นกรรมาธิการ หลังผ่านวาระรับหลักการไปแล้ว

“อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ว่าจะให้ร่างของพรรคใดเป็นหลัก ก็ต้องปล่อยให้เป็นกลไกของรัฐสภา

ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ
ที่พูดเช่นนี้ เพราะนอกจากพรรคภูมิใจไทย จะเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว ยังมี “สว.สีน้ำเงิน” เป็นแนวรวม จึงค่อนข้างมั่นใจว่า ร่างของพรรคภูมิใจไทย กับพรรคร่วมรัฐบาล จะได้ใช้เป็นหลักในการพิจารณา

ขณะที่ “เท้ง” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน บอกว่า ร่างของพรรคตนเอง มีการยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด สมควรจะได้เป็นหลัก ก็คงต้องสู้กันด้วยเหตุผล และหวังว่า สว.ก็น่าจะรับทุกร่าง

ส่วน “ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย บอกว่า รู้สึกกังวลแทนพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากที่มาของสสร. มีจุดอ่อน เรื่องการยึดโยงกับประชาชน คือการที่ผู้เสนอตัวเป็น สสร. สามารถเข้าสู่การเลือกของสมาชิกรัฐสภาได้เลย โดยไม่ต้องผ่านกลไกการกลั่นกรอง หรือการเลือกโดยพี่น้องประชาชน จึงเกรงว่าจะได้ สสร.ที่มาจากการ “ฮั้ว”

สำหรับร่างของพรรคประชาชน ที่หลบไปใช้ โครงสร้างของ “สภาที่ปรึกษาการยกร่าง” ซึ่งมีที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงนั้น อาจจะมีผู้หยิบยกเอาไปร้องต่อศาลรธน. จนทำให้กระบวนการแก้ไขรธน.ถูกทอดเวลาออกไปได้

ดังนั้น ควรเลือกตามโมเดลของพรรคเพื่อไทย จะเซฟที่สุด

ก็ต้องติดตามกันว่า ในที่สุดแล้ว ร่างของพรรคใด จะได้เป็นหลักในการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ

ยังมีอีกประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ท่าทีของ สสร. ต่อการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ จะมีการแตะ หมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ ซึ่ง หมวด 1 ว่าด้วยรูปแบบของรัฐ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วน หมวด 2 ว่าด้วยพระมหากษัตริย์

ที่ผ่านมา ทั้ง “อนุทิน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ต่างพูดว่า จะไม่แตะหมวด 1 หมวด 2

ขณะที่ท่าทีจาก หัวหน้าและแกนนำพรรคประชาชน ไม่เคยมีใครพูดว่าจะไม่แตะ และการที่พรรคประชาชนยอมเป็น “นั่งร้าน” ให้พรรคภูมิใจไทยได้เป็นรัฐบาล ให้ “อนุทิน” ได้เป็นายกรัฐมนตรี ก็เพื่อจะแก้ รธน.

ดังนั้น ต้องติดตามกันว่า พรรคภูมิใจไทย กับ กลุ่มสว.สีน้ำเงิน ที่ประกาศตัวเป็นพรรคอนุรักษ์นิยม เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะโหวตหนุน ร่างแก้ไข รธน.ของพรรคประชาชน หรือไม่ และถ้าโหวตหนุนแล้ว จะมีคำชี้แจงอย่างไร!


กำลังโหลดความคิดเห็น