xs
xsm
sm
md
lg

"พิธา" โวภูมิใจดูดเคยแพ้ผม จี้นายกฯอย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง ใช้ผลงานกู้ศรัทธาไม่ใช่คำพูด ป้องปชน.ไม่ใช่ฝ่ายค้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"แดดดีส้ม" ลั่น “ภูมิใจดูดก็เคยแพ้ผม” เตือน “อนุทิน” อย่าให้การเมืองนำบ้านเมือง แนะรัฐบาลเฉพาะกิจเร่งกู้ศรัทธาด้วยผลงานจริงไม่ใช่คำพูด ป้อง “พรรคประชาชน” ไม่ใช่ฝ่ายค้ำ ย้ำฝ่ายค้านต้องใช้กลไกตรวจสอบให้ถึงที่สุด

วันนี้ (10ต.ค.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน โดยระบุว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในยุค การเมืองเฉพาะกิจที่มี นายกฯ เฉพาะกิจเข้าสู่อำนาจแบบเฉพาะกิจ ซึ่งจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างการแก้ปัญหาของประเทศกับการทำตามข้อตกลงทางการเมืองกับฝ่ายค้าน พร้อมเตือนรัฐบาลเสียงข้างน้อยให้ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก

ส่วนฝ่ายค้านก็มีกลไกตรวจสอบที่เข้มแข็งมาก และพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำงานได้จริง เช่น การอภิปรายเชิงนโยบายที่ผ่านมา ถือว่าทำได้ดีพอสมควร

ส่วนข้อครหาที่ว่า พรรคประชาชนไปสนับสนุนรัฐบาลและกลายเป็น ฝ่ายค้ำนายพิธากล่าวว่า พรรคประชาชนไม่ใช่พรรคค้ำอำนาจรัฐบาล เพราะที่ผ่านมาได้ใช้กลไกสภาตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการทำงานของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

“ผมว่าพรรคประชาชนพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ฝ่ายค้ำ เพียงแต่รัฐบาลต้องทำตามสัญญา เพราะแบรนด์ดิ้งของพรรคภูมิใจไทยคือ พูดแล้วทำ ถ้าพูดแล้วไม่ทำ ก็เสียของ แล้วจะใช้สโลแกนนี้ในการเลือกตั้งหน้าได้อย่างไร” นายพิธากล่าว

อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังเตือนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ว่า ควรเน้นบริหารบ้านเมืองมากกว่าการเมือง อย่าปล่อยให้ การเมืองนำบ้านเมืองโดยเฉพาะในช่วง 4 เดือนสุดท้ายก่อนยุบสภา เพราะยังมีภารกิจสำคัญทั้งในเวทีอาเซียน การเลือกตั้งเมียนมา และการแก้ปัญหาด้านนิติรัฐที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทย

เมื่อถามต่อว่ายืนยันได้หรือไม่ว่าการที่พรรคประชาทำข้อตกลง หรือ MOA กับพรรคภูมิใจไทยจะไว้ใจได้ นายพิธา กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับพรรคภูมิใจไทยเองทำตามสโลแกน ของพรรคเพื่อใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ หรือจะเสี่ยงในระยะสั้นเพื่อที่จะสูญเสียความเป็นตัวตนของพรรคในระยะยาว และขึ้นอยู่กับพรรคประชาชนว่าใช้กลไกได้ดีที่สุดหรือไม่

“หากตอบแบบส่วนตัวไม่ว่าจะพรรคภูมิใจดูด แต่ตอนนั้นที่ดูดผมมาแพ้ผมหมด เลยนะ คนที่โดนดูดก็จะต้องรู้ว่ามีแผลทางการเมืองตลอดชีวิตประชาชนก็จะลงโทษ “

ส่วนตัวแล้วในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลก็ไม่มีความกังวลเพราะเป็นคนละยุทธภูมิกัน เราไม่ว่าว่าใครกันเมืองเก่าการเมืองใหม่อย่างแน่นอน เพราะยุทธภูมิของเราทำงานแบบ ล่างขึ้นบนในขณะที่ส่วนใหญ่ทำแบบบนลงล่าง คนที่ต้องกังวลคือคนทำงานการเมืองแบบบ้านใหญ่ใช้กลไกข้าราชการเดินเกมการเมืองมากกว่า คนที่การเมืองแบบล่างขึ้นบน อย่างพรรคประชาชน ปัญหาอยู่ที่ โฟกัสตัวเอง โฟกัสตัวหาแคนดิเดตให้ดี หายุทธศาสตร์ให้ดีสื่อสารทางการเมืองให้มากขึ้น ไม่ต้องสนใจโพล หรือสถิติก็ขอให้มีสมาธิ” นายพิธากล่าว

นายพิธาย้ำในช่วงท้ายว่า พรรคประชาชนไม่ใช่พรรครองรัฐบาล การกู้ภาพลักษณ์ต้องทำผ่านผลงานจริง ไม่ใช่เพียงการแก้ข่าวทางการเมือง พร้อมฝากเตือนนายกรัฐมนตรีว่าเป็น นายกฯ เฉพาะกิจที่ต้องทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบสูงสุดต่อประชาชนและปิดท้ายด้วยการแซวเชิงเหน็บแนมว่า

“ซักผ้าเสร็จแล้ว กลับมาตอบคำถามสื่อมวลชนด้วยนะครับท่านนายกฯ.”


กำลังโหลดความคิดเห็น