“โรม” ขู่รัฐบาล ถ้าผ่อนปรนคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขัดคำแถลงนโยบาย ลั่นถ้าจบง่าย รมต.คงมาชี้แจงเอง แฉขบวนการใหญ่ คุมรัฐ–จ้างดาราสร้างภาพ
วันที่ 10 ตุลาคม 2568 ที่อาคารอนาคตใหม่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ตอบคำถามสื่อมวลชนถึงการตรวจสอบขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าขณะนี้ยังใช้กลไกของกรรมาธิการฯ ในการขยายผลตรวจสอบ แต่หากหน่วยงานรัฐยังไม่ให้ความร่วมมือ พรรคประชาชนจำเป็นต้องยกระดับกลไก ใช้เครื่องมือสภาเข้มข้นกว่าเดิม
“ถ้ามันจบง่าย ๆ รัฐมนตรีมาชี้แจง เอาพยานหลักฐานมาช่วยกันปราบ เราก็คงไม่ต้องยกระดับอะไร แต่ตอนนี้รัฐบาลเงียบ นายกฯ ก็เงียบ จนผมเริ่มสงสัยว่า ท่านมองเรื่องนี้อย่างไร การเงียบของท่านไม่ใช่ทางออก มันจะยิ่งผลักให้พรรคเราต้องเทคแอ็กชั่นมากขึ้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าจะถึงขั้นซักฟอกหรือไม่ นายรังสิมันต์ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุย แต่หากความเงียบของรัฐบาลยังดำเนินต่อ คงต้องหารือในระดับฝ่ายค้านทั้งหมด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่พรรคประชาชน แต่เป็นผลประโยชน์ของประเทศ
นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันที่ 30 ตุลาคมนี้ จะขยายการตรวจสอบถึงนายวรภัค ธันยาวงศ์ รมช.คลัง เพื่อดูความเชื่อมโยงกับธุรกิจที่อาจเกี่ยวข้องกับทุนสีเทา และบริษัทที่มีรัฐวิสาหกิจถือหุ้นบางส่วน
“บริษัทที่เกี่ยวข้องไม่ใช่แค่พลังงาน แต่มีตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน จนถึงบริษัทที่รัฐถือหุ้นผ่านกองทุนประกันสังคม เหมือนพยายามชี้นำให้ขายหุ้นบางจากให้กลุ่มทุนลึกลับ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ ระบุว่า ขบวนการทุนสีเทาและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ขยายบทบาทเป็นทุนการเมือง ใช้สนับสนุนการหาเสียงของบางพรรคในหลายการเลือกตั้งที่ผ่านมา เชื่อมโยงกับเว็บพนัน กาสิโนในกัมพูชา และขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ และเตือนรัฐบาลให้ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนว่า มีการผ่อนปรนมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ เพราะหากจริงจะถือว่าขัดต่อคำแถลงนโยบายรัฐบาล โดยเฉพาะต่อคำมั่นของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศจะปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเด็ดขาด
“ผมพูดมาตลอดว่าแค่ตัดไฟ ตัดน้ำ ตัดอินเทอร์เน็ต มันไม่พอ แก๊งเหล่านี้ปรับตัวได้ตลอด ถ้ามีการผ่อนปรนจริง ต้องดำเนินการกับนายอนุทิน เพราะขัดคำแถลงนโยบายเอง”
เมื่อถามถึงการประสานกับทางกัมพูชา นายรังสิมันต์ ระบุว่า ไม่ง่าย เพราะความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชายังไม่ปกติ แต่จะใช้ เวทีสภาผู้แทนราษฎร และเวทีสหภาพรัฐสภาโลก (IPU) เพื่อผลักดันประเด็นนี้ให้เป็นวาระร่วมของภูมิภาค
“เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาไทยประเทศเดียว แต่เป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่เชื่อมโยงผลประโยชน์ทางการเมือง เราจะไม่หยุดตรวจสอบแน่นอน” นายรังสิมันต์กล่าว