xs
xsm
sm
md
lg

“เอ็มโอยู”เกมซื้อเวลา อนุทิน โบ้ยสภาตัดสิน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อนุทิน ชาญวีรกูล - สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว
เมืองไทย 360 องศา

ทำไปทำมากรณี “เอ็มโอยู” ไทย-กัมพูชา จะกลายเป็น “บ่วงรัดคอ” นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระรวงมหาดไทย ไปเสียแล้ว เพราะจากเดิมที่มองว่า เขา “ไม่กล้าตัดสินใจ” ที่จะให้คณะรัฐมนตรี ตัดสินใจยกเลิก แต่กลับ “ซื้อเวลา” หรืออาจจะเรียกว่า “โยนภาระ” ให้กับประชาชนตัดสินใจ ด้วยการเสนอให้มีการลงประชามติ โดยให้ทำพร้อมกับการเลือกตั้งส.ส.

อย่างไรก็ดี เมื่อเริ่มมีเสียงไม่เห็นด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ซับซ้อน มีรายละเอียดมากมาย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจยาก ซึ่งสะท้อนจากผลสำรวจที่เพิ่งออกมา ก็ยังระบุออกมาในทำนองเดียวกัน แม้ว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ ยังต้องการลงประชามติเพื่อตัดสินใจเรื่องนี้ ว่าจะยกเลิกหรือไม่ก็ตาม จนล่าสุดนายอนุทิน ได้มีท่าทีว่าให้เป็นหน้าที่ของสภา ในการพิจารณา และเห็นว่าเป็นเรื่องระยะยาว จะแก้ปัญหาในระยะเวลาอันสั้น ไม่ได้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึง การเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN SUMMIT) ที่ประเทศมาเลเซีย จะมีโอกาสได้เจอกับผู้นำกัมพูชาด้วยหรือไม่ว่า เราได้แจ้งเงื่อนไขไปแล้ว 4 ข้อที่จะทำให้มีการพูดคุยต่อไปได้ ข้อให้กัมพูชาได้ปฏิบัติ คือ เรื่องของการถอนอาวุธหนัก ทำให้ฝ่ายไทยไม่รู้สึกว่าเป็นอันตรายต่อประชาชน และเรื่องของสแกมเมอร์ รวมถึงเรื่องที่คนกัมพูชาเข้ามาอยู่ในประเทศไทยทั้ง 4 เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ส่วนเดดไลน์ในวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ที่ผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ นายอนุทิน กล่าวว่า “มันไม่มีคำว่าเดดไลน์ครับ” ต้องปฏิบัติก่อน หากไม่ปฏิบัติก็จะมีมาตรการที่จะดำเนินการ

ส่วนกรณี นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา อ้างว่า พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามใน GBC แก้ปัญหาชายแดนสระแก้วผ่าน JBC เท่านั้นและ บอกว่า ไทยทำล่าช้า แก้ปัญหาล่าช้า นายอนุทิน ยืนยันว่า ไทยไม่ได้ล่าช้า ที่ล่าช้าคือ กัมพูชา ไทยเป็นผู้ถูกรุกรานเป็นผู้กระทำ ดังนั้นคำว่าล่าช้าไม่มี

ส่วนจะทำความเข้าใจกับประชาชนอย่างไร ในวันที่ 10 ตุลาคมนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีการหารือกับฝ่ายกองทัพและกองทัพก็รับไปในเรื่องของการใช้กฎหมาย พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กฎอัยการศึก ในการบริหารสถานการณ์ตรงนั้นร่วมกับทางฝ่ายปกครอง ตำรวจ และป่าไม้

นายอนุทิน กล่าวถึงการยกเลิก MOU 43 และ 44 ว่า กรรมาธิการกำลังศึกษาอยู่ ส่วนจะใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่เป็นเรื่องของสภาที่ดำเนินการอยู่ ซึ่งเราต้องรับฟังทั้ง 2 สภา เนื่องจากมีการตั้งกรรมาธิการทั้ง 2 สภา ทุกอย่างต้องนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ทีละประเด็น แต่ 4 เดือนนี้อย่าเพิ่งคาดหวังอะไรที่เป็นเรื่องระยะยาว ต้องทำให้สถานการณ์ปัจจุบันคลี่คลายไปให้ได้มากที่สุดก่อน

ขณะเดียวกันเมื่อฟังจากจากของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ไปตอบกระทู้สดของ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ผู้นำฝ่ายค้าน ที่จี้ถามจุดยืนว่าต้องการยกเลิก เอ็มโอยู 43-44 และหากยกเลิกแล้ว จะเป็นประโยชน์หรือไม่ แต่เขาก็ยังบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถามนี้ โดยระบุว่า ต้องรอนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยบอกว่า ต้องทำประชามติประชุมถึงแนวทางการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จากนั้นจะมาชี้แจงให้ทราบอีกครั้ง

นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ตนยินดีตอบกระทู้อย่างตรงไปตรงมา เพราะการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ดีต้องรับฟังทุกฝ่ายรวมถึงฝ่ายค้าน ทั้งนี้ที่มาที่ไปของประชามติ มองว่าในเรื่องอธิปไตยเขตแดนควรให้ประชาชนมีส่วนร่วม โดยต้องทำอย่างรอบคอบ ไม่ทำบนพื้นฐานที่ขาดข้อมูล รวมถึงรับฟังเสียงของสังคม ซึ่งในสภาฯ ได้ทำอยู่ ผ่านการตั้งกรรมาธิการ เป็นสิ่งที่ดีที่ได้อภิปรายในเรื่องนี้จริงจัง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาคงได้คงได้รับฟังด้วย

“การทำประชามติต้องศึกษาให้ดี เพราะมีอะไรที่ต้องคำนึงถึงให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร สิ่งที่เปิดเผยต่อสาธารณชน เยียวยาภาคเอกชน โดยสัปดาห์หน้า นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ จะประชุมเพื่อดูขั้นตอนวิธีขั้นตอนประชามติทำอย่างไร ซึ่งความเห็นที่เป็นประโยชน์จะรับไปพิจารณาและจะคำนึงทุกประเด็น หลังประชุมหากมีแผนงานที่ชัดเจนจะชี้แจงต่อสภาอีกครั้ง” นายสีหศักดิ์ ชี้แจง

รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงต่อว่า เอ็มโอยู เป็นผลประโยชน์ที่สำคัญของประเทศ เขตแดน และอธิปไตย ดังนั้นการเข้าสู่กระบวนากรประชามติจะยกเลิกหรือไม่ ตนมองว่าต้องทำรอบคอบ และชัดเจนว่าหากไม่มีเอ็มโอยูแล้ว จะมีอะไรเป็นทางเลือกเพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ประเทศได้รับความเสียหาย ในส่วนของกระทรวงต่างประเทศเห็นความสำคัญถึงทางเลือกหลังจากยกเลิกแล้ว ส่วนกรเยียวยามีรายละเอียดมาก อะไรที่เป็นสิทธิอันชอบธรรม ที่ได้รับกระทบจากการยกเลิกเอ็มโอยู ต้องเยียวยา เนื่องจากสิทธิอันชอบธรรมได้รับผลกระทบ

เมื่อฟังทั้งจากปากของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าเป็นเรื่องของสภา ที่จะพิจารณาเนื่องจากมีคณะกรรมาธิการศึกษากันอยู่แล้วทั้งสองสภา และจากคำพูดของ นายสีหศักดิ์ รมว.การต่างประเทศ ที่กล่าวทำนองเดียวกันว่า ให้ทุกฝ่ายร่วมพิจารณาเพื่อความรอบคอบ และการทำประชามติให้ประชาชนมีส่วนร่วม ความหมายแบบสรุปรวบรัดก็คือ “ไม่ตัดสินใจ” ด้วยการใช้มติคณะรัฐมนตรียกเลิก อย่างแน่นอน

ดังนั้น เมื่อพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล จะโยนให้สภาที่ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา และการทำประชามติ แม้ว่าเวลานี้จะ “ทิ้งนำหนัก”ไปทางโบ้ยให้สภาพิจารณาก็ตาม แต่ไม่ว่าจะโยนให้สภาหรือมีการลงประชามติด้วยก็ตาม ก็ถือว่านี่คือการ “ซื้อเวลา” โยนภาระให้ชาวบ้าน โดยที่ตัวเอง ไม่กล้าตัดสินใจ และที่สำคัญเรื่องนี้มันอ่อนไหวทางการเมืองเสียด้วย จึงไม่กล้าเสี่ยง !! 


กำลังโหลดความคิดเห็น