‘กมธ.วิสามัญยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง’ แฉ หน่วยงานถ.สามเสนทรุด ส่งจนท.ความปลอดภัยเข้าแจงแทนระดับบริหาร ถือไม่ให้เกียรติ จี้ เพิ่มสัดส่วนภาคปชช.ร่วมคกก.ตรวจสอบ ทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้น เหน็บหากมัวอ้อยอิ่งหลักฐานจะหายไปกับสายน้ำ
วันที่ (9 ตุลาคม) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการยกระดับมาตรฐานการก่อสร้าง มาตรฐานความปลอดภัย การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างอย่างเป็นระบบ สภาผู้แทนราษฎร นำโดยนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะรองประธานกมธ.ฯ แถลงผลการประชุม กมธ.ฯ กรณีถนนหน้าถนนสามเสนทรุด
โดยนายศุภณัฐ กล่าวว่า หน่วยงานที่มาให้ข้อมูลกับกมธ.ฯ ยังไม่ได้ให้รายละเอียดมากพอ แต่ที่สำคัญคือผู้รับจ้าง ตั้งแต่เกิดเหตุมาผู้รับจ้างได้มีการแถลงข่าวให้ประชาชนได้รับทราบบ้างแล้วหรือไม่ ซึ่งกมธ.ฯ ได้มีการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาชี้แจงแล้ว 3 ครั้ง โดยมีการส่งตัวแทนเป็นเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย ที่ไม่ได้อยู่ในระดับของผู้บริหาร มาชี้แจง ซึ่งเมื่อไม่ได้เป็นระดับบริหารก็ไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้มากและครบถ้วนมากพอ เป็นการแสดงถึงความไม่ให้เกียรติกับกมธ.เป็นอย่างมาก
นายศุภณัฐ กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันหน่วยงานผู้ว่าจ้างที่มีอำนาจในการบังคับผู้รับจ้างให้ต้องมาชี้แจง ก็กลับไม่ดำเนินการใดๆ เพื่อที่จะบังคับให้ผู้รับจ้างหรือผู้รับเหมามาชี้แจง จึงอยากให้ติดตามว่าเมื่อไหร่บริษัทผู้รับเหมาจะมาชี้แจงกับกมธ. และตอบคำถามกับสังคม อย่างไรก็ตาม เรามีความกังวลหลายเรื่องที่สุดคือเรื่องของการสื่อสารที่ยังไม่มีความชัดเจนมากพอ ถามว่าความคืบหน้าของโครงการนี้อยู่ที่ไหน ผู้คนทราบแล้วหรือไม่ รายละเอียดของการประกันที่บอกว่ามีวงเงินประกัน 1.94 หมื่นล้าน จะครอบคลุมแบบใดบ้าง และตึกสน.สามเสนที่ต้องรื้อถอนนั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
นายศุภณัฐ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันหน่วยงานต่างๆ เช่นการประปานครหลวง หรือประชาชนที่อยู่รอบบริเวณเขตดุสิต หากเขามีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเขาจะวางบิลที่ใครระหว่างผู้รับเหมาหรือการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งก็ไม่มีความชัดเจน ส่วนการบริหารจัดการในพื้นที่หน้างาน ตั้งแต่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจนถึงวันนี้ คณะกรรมการยังไม่มีการลงพื้นที่เลย และการบริหารจัดการหน้างานทั้งหมด ก็ยกไปเป็นคณะกรรมการที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตั้งขึ้นมา แต่หลังบ้านเขาชี้แจงชัดเจนว่าหลักๆ คนที่มีอำนาจในการตัดสินใจว่าจะทำอะไรคือรฟม. กับผู้รับจ้าง และหลักฐานต่างๆ เราจะเห็นหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้การตัดสินใจทุกอย่างอยู่ในมือของผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง
ด้านนายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กทม. พรรค ปชน. ในฐานะสส.ในพื้นที่ กล่าวว่า ตนได้เข้าร่วมกับกมธ.ชุดนี้ โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ตนได้ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้เสนอและเรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบที่โปร่งใส และมีสัดส่วนจากภาคประชาชนมากเพียงพอที่จะให้น้ำหนัก แต่สัดส่วนที่มีคือ 2 ใน 11 คำถามคือนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบในเรื่องนี้เพียงพอ และเมื่อดูรายชื่อแล้ว ผู้แทนจาก 9 หน่วยงานใน 11 หน่วยงานภาครัฐ ตนรู้สึกผิดหวัง
นายปารเมศ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา ประธาน กมธ.ฯ ชุดนี้ ได้กล่าวในที่ประชุมว่าจะมีการทำหนังสือไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้เสนอรายชื่อผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดินโดยเฉพาะเพิ่มขึ้นอีก 3 ท่านที่จะมาจาก 3 มหาวิทยาลัย เพราะหากเรายิ่งมีสัดส่วนจากภาคประชาชนเยอะ ก็จะมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
“สิ่งที่เราต้องกู้คืนโดยเร็วคือความเชื่อมั่นของประชาชน เพราะหากกรรมการการตรวจสอบในเหตุการณ์นี้ไม่โปร่งใส ตนก็เชื่อว่าประชาชนจะไม่ให้ความไว้วางใจ โครงการนี้ในอนาคต แม้ว่าจะมีการแก้ไขในการก่อสร้าง และประชาชนยังมีความหวั่นเกรงว่าจะใช้โครงการสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสายสีม่วงใต้หรือไม่ จึงอยากเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการการตรวจสอบ ของเหตุการณ์นี้อีกครั้ง” นายปารเมศ กล่าว
เมื่อถามว่า หากเอกชนยืนยันว่าจะไม่มาชี้แจงกมธ.ฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อ นายพชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะโฆษก กมธ.ฯ กล่าวว่า เราต้องมีการบี้ไปที่รฟม. ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง แต่พวกเราจะทำเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อมูลหลายอย่างที่กมธ.รู้ ส่วนใหญ่พวกเราสร้างจากแหล่งข่าว ไม่ใช่จากทางราชการเป็นผู้ชี้แจง และเป็นที่น่าสงสัยเพราะหลังจากวันที่เกิดเหตุประมาณ 2 สัปดาห์คณะกรรมการที่มีการตั้งขึ้นมา ทราบมาว่ายังไม่มีการประชุม จึงเป็นที่กังวลของ กมธ.เป็นอย่างมาก
นายศุภณัฐ กล่าวเสริมว่า เราพร้อมตรวจสอบเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันต้องให้กระแสสังคมกดดันด้วยเช่นกัน เพราะเราทราบกันดีว่าผู้รับเหมาท่านนี้เป็นใคร และอาจจะมีความเชื่อมโยงอย่างไรกับพรรคการเมือง รวมถึงพรรคการเมืองใดกำกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแทนที่ส่งมาจากหน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวงมหาดไทย ที่เหลือเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดของกระทรวงคมนาคม และเจ้ากระทรวงคมนาคมเป็น สังกัดของพรรคการเมืองใด ชัดเจนอยู่แล้ว
“เมื่อเทียบกับตึกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่มีการรีบตั้งคณะกรรมการสอบสวน ยังถือว่าไวกว่ากรณีนี้ แต่กรณีนี้อ้อยอิ่ง คาดว่าน่าจะประชุมครั้งแรกในวันศุกร์ ถามว่าหลักฐานจะเหลืออะไร ผมทราบมาว่าในสถานีน่าจะกล้อง CCTV ติดอยู่ แต่ถามว่าวันนี้เราได้เห็นภาพจาก CCTV แล้วหรือไม่ ก็เพราะยังไม่เห็น เพราะเหตุใดทำไมจึงไม่เปิด นี่ถือเป็นความกังวล หากกระแสสังคมยังอยู่ที่การเปิดหรือไม่เปิดถนนเท่านั้น ไม่ได้โฟกัสเรื่องการตรวจสอบ สุดท้ายหลักฐานต่างๆ จะหายไปกับสายน้ำ และเราอาจจะไม่ได้เจอกับความจริงที่เป็นความจริง อาจจะเกิดมวยล้มตู้ได้ อย่างไรก็ตาม กระบวนการการตรวจสอบจะสะท้อนความจริงใจของรัฐบาลในเรื่องนี้ ซึ่งผมมีความกังวลว่าคณะกรรมการการตรวจสอบชุดนี้จะมีการเมืองแทรกแซงได้ เนื่องจากมีภาคประชาชนน้อยมาก ฉะนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องให้เพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการ เพราะยิ่งมากคนโอกาสในการล็อบบี้ก็จะย่อมเกิดได้ยากขึ้น“ นายศุภณัฐ กล่าว
นายศุภณัฐ กล่าวต่อว่า ในกระทู้ถามสดของนายปารเมศ นายกรัฐมนตรีเป็นคนตอบเองว่าเป็นปัญหาด้านวิศวกรรม และเมื่อมาคุยกันในกมธ.ก็ค่อนข้างเชื่อว่าเป็นด้านวิศวกรรม แต่เราจะเห็นหลักฐานได้อย่างไรที่จะพิสูจน์ว่าเป็นหรือไม่เป็นวิศวกรรม ซึ่งจะสามารถพิสูจน์ได้ หากเป็นเหตุสุดวิสัยจริง ถามว่าประชาชนจะไว้ใจโครงการที่เหลือของภาครัฐได้หรือไม่ ใครจะกล้าใช้