xs
xsm
sm
md
lg

“โฮปเวลล์–เขากระโดง” ความจริงศาลชี้แล้ว แต่ยังมีมือที่มองไม่เห็นยื้อเกม! ** “เสี่ยเบี้ยว” บ้านใหญ่เมืองอุบลฯ เข้าภูมิใจไทย!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - อนุทิน ชาญวีรกูล
ข่าวปนคน คนปนข่าว

++ “โฮปเวลล์–เขากระโดง” ความจริงศาลชี้แล้ว แต่ยังมีมือที่มองไม่เห็นยื้อเกม!

แม้คดี “โฮปเวลล์” จะเงียบหายไปนานจากหน้าสื่อและดูเหมือนจะจบ แต่หากใครได้ติดตามกลับจะรู้ดีว่า... เรื่องนี้ยังไม่จบ แถมมีสตอรี่ที่ไม่ต่างจาก “คดีเขากระโดง” แห่งบุรีรัมย์!

ล่าสุด “วิชิต ปลั่งศรีสกุล - อันวาร์ สาและ-สัญญา สถิรบุตร” อดีตส.ส. เข้าชื่อรวมตัวกันยื่นหนังสือถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี ขอให้ตรวจสอบคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 143/2562 ซึ่งออกในยุครัฐบาล "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบกรณี “โฮปเวลล์”

เนื่องเพราะเห็นว่า คำสั่งนี้ อาจเข้าข่ายการใช้อำนาจฝ่ายบริหาร แทรกแซงฝ่ายตุลาการ!

อดีตส.ส.ทั้ง 3 คน ระบุชัดว่า คณะทำงานดังกล่าว มีมติขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด และอาจมี “มติเท็จ” จนส่งผลต่อความเชื่อมั่นของกระบวนการยุติธรรม และภาพลักษณ์การลงทุนของประเทศ

เรียกได้ว่า “มือที่มองไม่เห็น” ยังคงขยับอยู่ในเงา!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สิ่งที่น่าคิดคือ ในหนังสืออ้างถึง “คดีเขากระโดง” ซึ่งศาลฎีกาได้พิพากษาชัดเจนไปแล้ว แต่กลับมีการใช้กลไกอำนาจฝ่ายบริหาร หลีกเลี่ยงการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา

ทั้งสองคดีจึงกลายเป็น “ภาพสะท้อน” ของปัญหาที่เหมือนกัน คือ เมื่อความจริงปรากฏแล้ว...แต่มีอำนาจบางอย่างไม่อยากให้มันเดินต่อไป!

วิชิต ปลั่งศรีสกุล
“สัญญา สถิรบุตร” เผยอีกว่า นอกจากยื่นต่อนายกรัฐมนตรีแล้ว ยังเตรียมส่งเรื่องต่อ ประธานศาลฎีกา, ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, ประธานศาลปกครองสูงสุด, รวมถึงองค์กรอิสระทุกแห่ง เพื่อจี้ให้ทุกฝ่าย “เคารพหลักนิติรัฐ-นิติธรรม” และคืนศรัทธาให้ระบบยุติธรรมไทย

สัญญา สถิรบุตร
เสียงซุบซิบในทำเนียบฯ ว่ากันว่า… หากรัฐบาลอนุทิน เดินหน้าตรวจสอบจริง “เงาอดีต” อาจโผล่ขึ้นมาให้เห็นกันจะจะว่า ใครกันแน่ ที่อยู่เบื้องหลังการยื้อความจริงในคดี “โฮปเวลล์”

แต่สำหรับกับเครือข่ายที่ยื้อ “เขากระโดง” อยู่ตอนนี้เป็นใคร !? ทำอะไร เชื่อได้ว่า "หนู" มีปากแต่จะก็แกล้งเป็นลืมปากพูดไม่ได้แน่นอน.!

เกรียง กัลป์ตินันท์
++ “เสี่ยเบี้ยว” บ้านใหญ่เมืองอุบลฯ เข้าภูมิใจไทย!?

“อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพิ่งหาทางหยุดกระแส “เลือดไหลออก” โดยจัดงานโชว์วิชัน “ยกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย” พร้อมเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง 185 คน ไปเมื่อวันก่อน เหมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า “ตระกูลชินวัตร” ยังสู้ต่อ

แต่ปรากฏว่า ช่วงบ่ายวานนี้ (8ต.ค.) “เสี่ยเบี้ยว” เกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมช.มหาดไทย ในรัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” กลับไปโผล่ที่ บริเวณล็อบบี้โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ กทม. ซึ่งเป็นถิ่นถ้ำของพรรคสีน้ำเงิน จึงมีการคาดหมายกันว่า คงจะมาพบแกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทย อาจจะเป็น“เนวิน ชิดชอบ” เพื่อพูดคุยถึงการย้ายเข้าสังกัดในการเลือกตั้งสมัยหน้าก็เป็นได้

โดยในช่วงเวลาเดียวกันนั้น “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย มาเป็นประธานเปิดงานสัมนาใหญ่ เศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 “เมื่อโลกเปลี่ยน..ประเทศไทยไปทางไหน?” พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ณ โรงละครอักษรา คิงเพาเวอร์ ซึ่งอยู่ข้างๆ โรงแรมพูลแมน นั่นเอง

เมื่อ“อนุทิน” ถูกถามถึงการมาปรากฏตัวของ “เสี่ยเบี้ยว” ว่าเป็นสัญญาณ จะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ แต่ “อนุทิน” ไม่ตอบรับ หรือปฏิเสธ เล่นมุกเฉไฉ ไขสือว่า “รู้ได้ไง”


ก่อนจะบอกว่า เกรียง กัลป์ตินันท์ กับเนวิน ชิดชอบ เขาเป็นเพื่อนกัน ส่วนจะมาร่วมงานหรือไม่ ไม่รู้ เพราะไม่ได้เจอ “เนวิน” มา 2 วันแล้ว ตอนนี้เริ่มคิดถึง เดี๋ยวจะโทรหา

การโผล่มาพบในเวลา และสถานที่ อย่างนี้ จะไม่ให้ถูกตีความว่า มาเพื่อ “ดีลสำคัญ” ในการเลือกตั้งได้อย่างไร

เพราะถ้าระดับ “แม่ทัพเลือกตั้ง” ในพื้นที่ภาคอีสานของพรรคเพื่อไทยแปรพักตร์ พาลูกทีมมาเข้าสังกัด ภูมิใจไทย ก็แทบจะการันตีได้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคสีน้ำเงิน ก็จะกวาดไปทั้งอีสานใต้ และอีสานชายโขง

สำหรับเส้นทางการเมืองของ “เสี่ยเบี้ยว” เกรียง กัลป์ตินันท์ นั้น เติบโตมาจากนักการเมืองท้องถิ่น ของ จ.อุบลราชธานี มีบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เป็นเครื่องมือทำมาหากิน

ได้เป็น สส.สมัยแรก เมื่อปี 2538 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ลงสมัครในพื้นที่ เขต 1 อุบลราชธานี โดยสามารถเอาชนะ “เสี่ยตั้งฮั้ว” ไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ เจ้าพ่ออีสานใต้ในยุคนั้นได้

ปี 2539 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ในสังกัดพรรคความหวังใหม่ ของ “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก่อนจะย้ายมาสังกัดพรรคไทยรักไทย ในการเลือกตั้งปี 2544 และ การเลือกตั้งปี 2548

ในช่วงเวลาแค่ 10 ปี “เสี่ยเบี้ยว” เป็นสส.ไปแล้ว 4 สมัย

ปี2550 ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคไทยรักไทย และตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 5 ปี “เสี่ยเบี้ยว” โดนด้วย

กระทั่งปี 2555 จึงได้กลับสู่การเมืองอีกครั้ง คราวนี้มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และในการเลือกตั้งปี 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ

ปี 2562 เขาได้อยู่ในบัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 10 แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนส.ส. มากกว่าจำนวนส.ส.พึงมี ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

ปี 2566 ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 6 ในฐานะที่เป็นรองหัวหน้าพรรค และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รมช.มหาดไทย ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็น รมว.มหาดไทย

“เสี่ยหนู” กับ “เสี่ยเบี้ยว” จึงถือว่าเคยร่วมงานกันมาก่อน เรียกว่ารู้มือกันอยู่!

สำหรับ “เสี่ยเบี้ยว”นั้น นอกจากรั้งตำแหน่งแม่ทัพเลือกตั้ง ในภาคอีสานของพรรคเพื่อไทย คุมยุทธศาสตร์เลือกตั้งในหลายจังหวัดแล้ว ครอบครัว “กัลป์ตินันท์”ของเขา ก็ถือว่าเป้นตระกูลการเมืองที่หยั่งรากลึกในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี

มีน้องชายคือ “กานต์ กัลป์ตินันท์” เป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี...“วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์” ลูกชายเป็น ส.ส.เขต 1 จ.อุบลราชธานี และลูกสะใภ้ “พิศทยา ไชยสงคราม” ภรรยาของวรสิทธิ์ ก็ยังเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลนครอุบลราชธานี อีก

ดังนั้น ในยามที่ พรรคสีน้ำเงิน กำลัง “เร่งเครื่องดูด” รวบรวมบ้านใหญ่เข้ามาร่วมทัพรับศึกเลือกตั้ง หวังเป็นรัฐบาลต่ออีก 4 ปี แล้วอย่างนี้จะมองข้ามบ้านใหญ่ “กัลป์ตินันท์” ไปได้อย่างไร

ต้องติดตามกันว่า พรรคเพื่อไทย จะดึง “ก๊วนเสี่ยเบี้ยว” ไม่ให้ไหลไปตามกระแสดูดได้สำเร็จหรือไม่!!


กำลังโหลดความคิดเห็น