กกต.แจงการทำโครงการของศส.ปชต.เป็นไปตามกม. คกก.เป็นจิตอาสา ไม่ได้รับค่าตอบแทน ยัน ไม่ได้เอื้อประโยชน์ แก่จังหวัด -พรรคการเมืองหนึ่งใดเป็นการเฉพาะ
วันนี้ (8 ต.ค.) สำนักงาน กกต. ออกเอกสารชี้แจงกรณีนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกับนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต.ฐานปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ จากเหตุออกประกาศกกต.เรื่องหลักเกณฑ์ และวิธีการใช้จ่ายเงินสนับสนุนหรือเงินอุดหนุนของศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย 2567 ขัดต่อ พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 โดยมีสาระสำคัญ ระบุว่า พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. พ.ศ. 2560 มาตรา 22 บัญญัติ ให้ กกต. มีหน้าที่และอำนาจในการออกข้อกำหนด ระเบียบ หรือประกาศที่กำหนดไว้ รวมทั้งมีหน้าที่ และอำนาจในการส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานของรัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรเอกชน ในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนหรือให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ และเงื่อนไข ที่ กกต. กำหนด
โดยกกต. ได้ออกระเบียบกกต.ว่าด้วยศูนย์ส่งเสริมพัฒนา ประชาธิปไตย พ.ศ. 2560 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 เพื่อเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อน การส่งเสริมประชาธิปไตยในตำบล หรือที่รู้จักในชื่อ ศส.ปชต. มีหน้าที่ช่วยเหลือและสนับสนุน การปฏิบัติงานของ กกต. สำนักงาน กกต. ทั้งส่วนกลางและส่วนจังหวัด รวมถึงภาคีเครือข่าย ในการสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน การบูรณาการและพัฒนาศักยภาพเครือข่ายพลเมืองเพื่อทำหน้าที่ให้ความรู้และเผยแพร่ รณรงค์การเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น เพิ่มจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ลดจำนวนบัตรเสีย เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย โดย ศส.ปชต. ทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 7,517 แห่ง และคณะกรรมการ ศส.ปชต. ในแต่ละตำบล เป็นผู้มีจิตอาสามาจากตัวแทนประชาชนทุกหมู่บ้าน ชุมชน ผู้แทนจากผู้นำสตรี อสม. ชมรมผู้สูงอายุ และบุคลากรทางการศึกษาจากสำนักงาน กศน. ขณะนี้ใช้ชื่อว่าสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ประจำจังหวัด (สกร.) เป็นเลขาของ ศส.ปชต. ทั้งนี้ ศส.ปชต. ไม่ได้รับค่าตอบแทนแต่อย่างใด
การเสนอโครงการของ ศส.ปชต. เป็นไปตามระเบียบกกต. ว่าด้วยศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย พ.ศ. 2560 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2568 ข้อ 36 ให้สำนักงาน กกต. เสนอของบประมาณประจำปี เพื่อสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมของ ศส.ปชต ที่ผ่านการประเมินมาตรฐาน สามารถยื่นเสนอโครงการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือโครงการส่งเสริม การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน หรือโครงการส่งเสริมการสร้างวิถีชีวิตประชาธิปไตย หรือโครงการอื่นในลักษณะเดียวกัน ให้สำนักงาน กกต. พิจารณาสนับสนุนงบประมาณแก่ ศส.ปชต. ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม
โดย ศส.ปชต. ที่ผ่านเกณฑ์การประเมิน สามารถเสนอโครงการ พร้อมรายละเอียด ของกิจกรรม และงบประมาณการค่าใช้จ่ายต่อผู้อำนวยการสำนักงาน กกต. ประจำจังหวัด เพื่อพิจารณาตรวจสอบวัตถุประสงค์การดำเนินโครงการ ความคุ้มค่า และประโยชน์ที่จะได้รับ เมื่อเห็นชอบให้เสนอสำนักงาน กกต. พิจารณาอนุมัติ เมื่อได้รับการอนุมัติโครงการแล้ว ให้สำนักงาน กกต. ประจำจังหวัด จัดทำบันทึกข้อตกลงตามแบบท้ายระเบียบ แล้วโอนเงินงบประมาณเข้าบัญชี เงินฝากธนาคารของ ศส.ปชต. ที่ได้รับการอนุมัติโครงการและดำเนินการตามประกาศสำนักงาน กกต. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการใช้จ่ายเงินสนับสนุน หรือเงินอุดหนุนของ ศส.ปชต. พ.ศ. 2567 ซึ่ง ปีงบประมาณ 2568 สำนักงาน กกต. ได้รับการจัดสรรงบประมาณ เพื่อจัดทำ โครงการศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย กิจกรรมหลักที่ 4 ศส.ปชต. ขับเคลื่อนกิจกรรมส่งเสริม วิถีประชาธิปไตย จำนวน 3,000,000 บาท โดยจัดสรรให้ ศส.ปชต. ที่ผ่านการประเมินมาตรฐานจำนวน 150 แห่ง ๆ ละ 20,000 บาท ทั้งหมด 63 จังหวัด เพื่อดำเนินกิจกรรมการอบรมให้ความรู้ แก่ประชาชนในแต่ละตำบล เกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุขให้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น
" ศส.ปชต. ได้รับงบประมาณค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการฝึกอบรมเป็นค่าสมนาคุณวิทยากร ค่าอาหาร ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่จำเป็น สำนักงาน กกต. ไม่ได้เอื้อประโยชน์ แก่จังหวัดใดเป็นการเฉพาะ หรือพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใด ตามที่เป็นข่าว"