โฆษก ป.ป.ช. เผยคดี ‘แพทองธาร-ครม’ โยกงบทำดิจิตอลวอลเล็ต ฝ่าฝืน รธน.ม.144 ไต่สวนเสร็จแล้ว รอชงที่ประชุมใหญ่ชี้ขาด ส่วนปมคลิปเสียง "ฮุนเซน" เพิ่งได้คำวินิจฉัยศาล รธน.ฉบับเต็ม ขอดูข้อเท็จจริงก่อน
วันนี้ (8ต.ค.) นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีกล่าวหา ครม.แพทองธาร ชินวัตร ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กรณีโยกย้ายงบประมาณ กรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกฯ และคณะรัฐมนตรี(ครม.) รวมถึง คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 รวมไปถึง สส. และ สว. ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 2568 ดังกล่าว
โดยนายสุรพงษ์ กล่าวว่า คดีนี้องค์คณะไต่สวนดำเนินการเสร็จแล้ว เป็นการไต่สวนในทางลับ โดยเรื่องนี้เป็นปัญหาในข้อกฎหมายเรื่องการแปรญัตติ และเรื่องดอกเบี้ยเงินกู้ หรือการส่งใช้ตามกฎหมาย ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอสรุปสำนวน เพื่อส่งให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา คาดว่าน่าจะไม่ล่าช้า ดังนั้นต้องรอดูผลว่าในชั้นการพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะเป็นอย่างไร
ส่วนกรณีกล่าวหา น.ส.แพทองธาร ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมฯอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วนั้น เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า เรื่องนี้มีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เราไม่อยากจะใช้คำว่า เพิ่งได้คำวินิจฉัยของศาลมาไม่นานนัก เป็นเรื่องที่ต้องเอาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมาดูว่า ข้อเท็จจริงที่ศาลวินิจฉัยมา ป.ป.ช. รับฟังข้อเท็จจริงเรื่องนี้อย่างไร
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีการตั้งองค์คณะไต่สวนแล้ว การกระทำอาจแยกเป็น 2 ส่วน คือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เป็นความผิดทางอาญา เป็นการกล่าวหาความผิดด้านความมั่นคง และความผิดด้านมาตรฐานจริยธรรม ในส่วนศาลรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งนายกฯ การใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งไม่น้อยกว่า 10 ปี เป็นเรื่องช่องทางองค์คณะไต่สวนว่า การกระทำของท่าน ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ ป.ป.ช. ใช้เป็นหลักในการไต่สวน จะไปทางไหน ระหว่างทางอาญา กับทางจริยธรรม ตรงนี้เป็นข้อกฎหมาย กับข้อเท็จจริง ที่องค์คณะไต่สวน ต้องไปพิจารณา
เมื่อถามว่า จะใช้เวลาพิจารณานานหรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า จริง ๆ ไม่อยากให้ความเห็นเท่าไหร่ แต่จากประสบการณ์ทำคดีฝ่าฝืนจริยธรรม คิดว่าไม่น่าใช้เวลานานมาก เพราะเรื่องนี้จากประสบการณ์ส่วนตัว กับผู้ช่วยที่นั่งอยู่ เราวางแผนได้ หรือเขียนมายด์แมพได้ว่า พยานคนนี้เกี่ยวกับบุคคลปากไหน คำแปล หรือถอดเทปไฟนอลแล้วหรือไม่ ระยะเวลาอาจไม่ยาวมาก อาจมีขั้นตอนหนึ่งที่ใช้เวลายาวคือ หลังแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหา ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ถ้าเสร็จ 6 เดือนเลย อาจกระทบองค์คณะไต่สวน เรื่องนี้คดีสำคัญ นโยบายของประธานกรรมการ ป.ป.ช. คือไม่ช้า กรรมการ ป.ป.ช. อยู่ในช่วงปฏิรูปองค์กร คดีไหนสื่อสนใจ และสำคัญ ท่านจะกำหนดกรอบการทำงานทุกเรื่อง มี 15 วัน 30 วัน 60 วัน ต้องมีความคืบหน้าขึ้นมา
เมื่อถามว่า ประเด็นมาตรฐานจริยธรรม ปัจจุบันมีการตัดสินทั้งศาลรัฐธรรมนูญ และศาลฎีกา เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้ว ป.ป.ช.จะวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เรื่องของการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม และที่ศาลฎีกา พิพากษาออกมา คือเรื่องตัดสิทธิทางการเมือง ที่เรียกว่าประหารชีวิตทางการเมือง ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดไป ห้ามใช้สิทธิเลือกตั้ง 10 ปี มาตรฐานจริยธรรม ใช้ตัวเดียวกัน ใช้บังคับกับ สส. สว. และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายกฯ และรัฐมนตรีด้วย เพราะฉะนั้น เราใช้ข้อกฎหมายเดียวกัน แนวคำพิพากษาเดียวกัน ยกเว้นข้อเท็จจริงแตกต่าง ไม่เคยมีแนวคำวินิจฉัยออกมา ถ้ามีข้อเท็จจริง เช่น กรณีนี้ เข้าใจว่าสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ป.ป.ช. ต้องนำมาดูอยู่แล้ว แนววินิจฉัยอาจไม่แตกต่างกันมาก ยกเว้นมีข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายแตกต่าง ถ้าไม่มีอะไรที่พลิกแพลง หรือเปลี่ยนแปลง แนวคำวินิจฉัยก็ไม่น่าเปลี่ยนแปลง หลายคดีที่ผ่านมา ที่เราชี้มูล และศาลฎีกาพิพากษามา