xs
xsm
sm
md
lg

'อรรถวิชช์' หนุน ‘พีระพันธุ์’ สู้ เปิดเบื้องลึกร่างกฎหมายโซลาร์เสรีโดนขวาง เหตุขัดประโยชน์หลายกลุ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



'อรรถวิชช์' แท็คทีม ‘พีระพันธุ์’ สู้ไม่ถอย! เปิดเบื้องลึกร่างกฎหมายโซลาร์เสรีโดนขวางตลอดทาง เหตุขัดประโยชน์หลายกลุ่ม ชี้กฎหมายเดิมยืนบังแดดประชาชน คนไทยอดใช้ไฟฟ้าราคาถูก-ภาคอุตสาหกรรมเสียโอกาส

วันนี้ (8 ตุลาคม 2568) นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการยกร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ได้แสดงความคิดเห็นถึงผลกระทบต่อประชาชนจากกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกา ไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ ร่าง พ.ร.บ.โซลาร์เสรี ว่า ที่ผ่านมาร่างกฎหมายฉบับนี้โดนขัดขวางทุกรูปแบบ เพราะเป็นกฎหมายที่ขัดประโยชน์ของหลายกลุ่ม ซึ่งทำให้ภาคประชาชนเสียโอกาสที่จะได้เข้าถึงพลังงานไฟฟ้าราคาถูก และภาคอุตสาหกรรมเสียโอกาสที่จะได้พัฒนาธุรกิจจากการใช้พลังงานสะอาด

นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นผู้ยกร่างกฎหมายมาหลายฉบับ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่โดนคณะกรรมการกฤษฎีกาตีตกกฎหมายทั้งฉบับ ด้วยข้อกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้องและตนสามารถชี้แจงโต้แย้งได้ทุกประเด็น โดยเฉพาะเรื่องความซ้ำซ้อนของกฎหมาย ซึ่งตนขอยืนยันว่า ร่าง พ.ร.บ.โซลาร์เสรี ไม่มีความซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่นๆ แต่อย่างใด เพราะร่างกฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นเพื่อ “ส่งเสริม” ให้มีการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โดยเฉพาะ แต่กฎหมายอื่น ๆ ที่มีอยู่คือการ “ควบคุม” หรือ ยืนบังแดดของประชาชน ทำให้การใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นไปด้วยความยุ่งยาก ซับซ้อน ทั้งยังต้องเสียค่าดำเนินการหลายหมื่นบาท ซึ่งกฎหมายลักษณะนี้มีถึง 6-7 ฉบับ พร้อมยืนยันว่า การแก้ไขกฎหมายที่มีอยู่แต่ละฉบับไม่สามารถทำได้ จำเป็นต้องร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมาเท่านั้น

ส่วนประเด็นเรื่องบทลงโทษนั้น นายอรรถวิชช์ชี้ว่า บทกำหนดโทษในร่าง พ.ร.บ.โซลาร์เสรี นั้น มีไว้สำหรับกรณีที่ผู้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ไม่ดำเนินการแก้ไขตามคำแนะนำเมื่อมีการตรวจสอบพบว่าการติดตั้งนั้นเป็นอันตรายหรือสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ซึ่งเป็นลักษณะธรรมดาของการตรากฎหมายทั่วไป

นายอรรถวิชช์กล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ.โซลาร์เสรี ยังเป็นกฎหมายที่จะเปลี่ยนวิธีคิดด้านการผลิตไฟฟ้าในประเทศไทย โดยประชาชนและผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงไฟฟ้าพลังงานสะอาดได้เอง ไม่ต้องรอความพร้อมของภาครัฐและเอกชนรายใหญ่

“ในอดีตความมั่นคงทางพลังงานจะมีฐานแนวคิด คือ พลังงานต้องเหลือใช้ แม้ต้องจ่ายค่าไฟแพงขึ้นก็ตาม อย่างเช่น ประเทศไทยเซ็นสัญญาผลิตและใช้ไฟฟ้า 50,000 เมกกะวัตต์ แต่ในช่วงที่มีการใช้มากที่สุด ก็ยังอยู่แค่ 30,000 เมกกะวัตต์ แต่เทรนด์โลกในอนาคต ความมั่นคงทางพลังงานไม่เหมือนอดีตอีกต่อไป เพราะหลายประเทศมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดมาผลิตไฟฟ้า หากไม่ทำตามก็จะถูกกีดกันทางการค้า และต้องจ่ายภาษีนำเข้าแพงขึ้น เพราะฉะนั้น แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (Power Development Plan-PDP) จะต้องวางแผนในการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดภายในประเทศให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม และต้องทยอยเลิกการใช้พลังงานที่มาจากฟอสซิลและแหล่งต่าง ๆ เช่น ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้เป็นไปตามเทรนด์ของโลก ซึ่งหากดำเนินการตามนี้ และรอให้เอกชนเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดในการผลิตไฟฟ้า ก็จะเป็นการเสียโอกาสของประเทศและคนไทยไป ดังนั้น พ.ร.บ.โซลาร์เสรี จึงจะเปิดกว้างในเรื่องนี้ให้กับทุกภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน โรงงาน และนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเองได้ทันที โดยไม่ต้องรอผู้ผลิตไฟฟ้าจากภาคเอกชน ทั้งยังสามารถพัฒนาสู่ธุรกิจที่ตอบโจทย์ Green Energy 100% ได้ด้วย” นายอรรถวิชช์กล่าว

นอกจากนี้ ร่าง พ.ร.บ.โซลาร์เสรี ยังเป็นกฎหมายฉบับแรกที่พูดถึงเรื่องการทำลายแผงโซลาร์เซลล์และแบตเตอรี่ที่จะต้องมีการกำจัดอย่างถูกวิธี และยังเปิดทางให้กระทรวงพลังงานสามารถดำเนินการจัดหาอุปกรณ์สำหรับผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในราคาถูก เพื่อลดต้นทุนการติดตั้งให้กับประชาชนด้วย

นายอรรถวิชช์ ยังตั้งข้อสงสัยถึงจังหวะในการตีตกร่างกฎหมายของคณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งรัฐบาลชุดเก่าไม่มีอำนาจสั่งการใดได้แล้ว จึงต้องรอแนวทางของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อกับกฎหมายนี้ แต่ตนจะพยายามประสานให้มีการผลักดันกฎหมายเข้าสภาเพื่อให้มีผลบังคับใช้ และย้ำว่าจะเดินหน้าผลักดันกฎหมายนี้ต่อไปอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน นายอรรถวิชช์ ยังเปิดเผยถึงการทำงานกับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ด้วยว่า นายพีระพันธุ์ เป็นคนที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่น ละเอียดรอบคอบ หากจะร่วมงานด้วยต้องรู้จริงในเรื่องนั้นอย่างลึกซึ้ง และเมื่อเดินหน้าทำงานแล้วก็จะสู้ไปจนสุดทางไม่มีถอย

" ผมศรัทธา ‘พี่ตุ๋ย’ (พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ตรงที่ว่า เวลาสู้ไม่มีเกียร์ถอยหลัง เวลาคุยงาน ‘พี่ตุ๋ย’ จะถามคำเดียวว่า ประชาชนจะได้อะไร” นายอรรถวิชช์กล่าวทิ้งท้าย


กำลังโหลดความคิดเห็น