รมว.กลาโหม เชื่อเหตุปล้นทองสุไหงโก-ลก ไม่เกี่ยวกับการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาค 4 ย้ำทหารรู้หน้าที่ ไม่มีเกียร์ว่าง คาดทอง 600 บาทถูกส่งข้ามประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ขณะ ผบ.ทบ.จ่อลงพื้นที่
วันที่ 7 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการตั้งข้อสังเกตการก่อเหตุปล้นร้านทองกลางห้างสรรพสินค้า สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส สูญทองคำมากถึง 600 บาท มีคนในรู้เห็น ว่า จากที่ได้รับรายงานมายังไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ต้องดูกันต่อไป ซึ่งจากที่รับรายงานมาเป็นการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการ BRN เข้ามาปฏิบัติการและหนีกลับไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนจะเป็นช่วงรอยต่อ ที่มีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 4 และทีมการทำงานหรือไม่ พลเอกณัฐพล ระบุว่า เขาอาจจะอาศัยจังหวะดังกล่าว แต่ก็ต้องให้เวลาแม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ ซึ่งเพิ่งรับหน้าที่ได้ 7 วัน และทราบว่าพลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก จะลงพื้นที่ หลังจากนั้นตนก็จะลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์ด้วย
ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า การแต่งตั้งแม่ทัพภาคที่ 4 มาจากคนนอกพื้นที่ จึงทำให้เกิดเกียร์ว่างใช่หรือไม่ พลเอกณัฐพล ยืนยันว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะทหารทุกคนมีความรับผิดชอบอยู่แล้ว และการปล้นทองไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ที่ผ่านมาก็เคยเกิดเหตุการณ์
เมื่อถามย้ำว่า มีการทำเป็นระบบ เหมือนมีคนในคอยให้ข้อมูล ทั้งพิกัดร้านทองและเส้นทางการหลบหนี พลเอกณัฐพล กล่าวว่า ก็ต้องดูในรายละเอียดกันต่อไป ซึ่งต้องฟังข้อมูลจากแม่ทัพภาคที่ 4
เมื่อถามว่า ได้รับรายงานแล้วหรือไม่ว่าทองที่ปล้นไปถูกขนไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน พลเอกณัฐพล ยอมรับว่า ได้รับรายงานเช่นนั้น ว่าขนหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ส่วนการติดตามจับกลุ่มผู้ก่อเหตุและนำทองกลับมานั้น ต้องประสานประเทศเพื่อนบ้าน จึงอยากให้รอการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
พลเอกณัฐพล ยังกล่าวถึงที่ ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. แต่งตั้งให้พลเอกสมศักดิ์ รุ่งสิตา อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นั่งประธานโต๊ะเจรจาสันติสุขชายแดนใต้ ได้พูดคุยกันเบื้องต้น เนื่องจากรัฐบาลมีเวลาสั้น เพียง 4 เดือน จึงอยากให้ขณะพูดคุยได้จัดลำดับความเร่งด่วน งานไหนควรจะต้องทำให้สำเร็จภายใน 4 เดือน พร้อมทั้งได้ให้กำลังใจว่าไม่ต้องทำในทุกเรื่อง ให้เสร็จเรียบร้อย เพียงแต่ใน 4 เดือน ต้องมีอะไรที่เห็นผลเป็นรูปธรรมบ้าง
ส่วนการชี้แจงทำความเข้าใจข้อดีข้อเสียกับประชาชนเกี่ยวกับ MOU ปี 2543 และ 2544 ว่า ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดว่าจะให้หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็ศึกษาอยู่