“สว.นันทนา” นำทีม สว.อิสระ จวกกระบวนการแต่งตั้งองค์กรอิสระขาดธรรมาภิบาล หลัง สว.กลุ่มใหญ่มีเอี่ยวคดีฮั้ว เรียกร้องชะลอการพิจารณาแต่งตั้ง ป.ป.ช.จนกว่าคดีสิ้นสุด ขณะที่ “หมอเปรมศักดิ์” หวั่นกลุ่มอำนาจกินรวบประเทศ ด้าน “เศรณี” แฉสมุดปกดำ 21 ส.ว.ถูกแบนพ้นกรรมาธิการ ชี้อิทธิพล “วุฒิชาติ” หนักจนสภากลายเป็น “สภาวุฒิชาติ”
วันนี้ (7 ตุลาคม) กลุ่มสมาชิกวุฒิสภาอิสระ นำโดย น.ส.นันทนา นันทวโรภาส, นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ, น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ และ นายเศรณี อนิลบล ร่วมกันแถลงข่าวแสดงจุดยืนคัดค้านการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพิ่มอีก 2 ตำแหน่ง โดยเห็นว่าควร ชะลอกระบวนการทั้งหมดไว้ก่อน จนกว่าคดี ฮั้ว ส.ว.จะเสร็จสิ้น
น.ส.นันทนา กล่าวว่า การที่วุฒิสภาชุดปัจจุบันมีเสียงข้างมากกำลังถูกตรวจสอบข้อกล่าวหาคดีฮั้วสว. แต่ยังเดินหน้าเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเข้าสู่องค์กรอิสระ ถือเป็นการกระทำที่ ขัดหลักจริยธรรมและผลประโยชน์ทับซ้อนโดยตรง เพราะองค์กรอิสระเหล่านั้น เช่น กกต. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช. คือหน่วยงานที่อาจมีอำนาจตัดสินคดีของสมาชิกวุฒิสภาเอง
“ดิฉันและเพื่อน ๆ สว.อิสระ เรียกร้องเรื่องนี้มานานกว่า 6 เดือน แต่กลับถูกขาประจำประท้วง ไล่ด่ากล่าวหาว่าเป็นโรคจิต ดิฉันยืนยันจะไม่หยุด เพราะนี่คือผลประโยชน์ของประเทศชาติ การแต่งตั้งองค์กรอิสระโดยคนที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องคือหายนะของประเทศ” น.ส.นันทนา กล่าว
นางนันทนากล่าวต่อว่า ปัจจุบันมีการตั้งกรรมาธิการตรวจสอบคุณสมบัติบุคคลแบบวนเวียนในกลุ่มเดิม ๆ ของสว.เสียงข้างมาก โดยเปิดสถิติพบว่า นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ได้รับแต่งตั้งถึง 11 ครั้ง สูงสุดในสภา ขณะที่ นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ 8 ครั้ง, นายเอนก วีระพจนา 7 ครั้ง, พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา, พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร, พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ, และ นายอภิชาติ งามกมล คนละ 6 ครั้ง ซึ่งสะท้อนระบบ “ปิดประตูตีแมว” ไม่เปิดทางให้สว.อิสระมีส่วนร่วมในการตรวจสอบอย่างโปร่งใส
“เมื่อพรรคภูมิใจไทยขึ้นเป็นรัฐบาล และแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ได้ชื่อว่าเป็นสายตรงบุรีรัมย์ ก็ยิ่งทำให้ประชาชนกังวลว่าคดีฮั้วส.ว.จะถูกเป่าให้หายไปกลายเป็นฝุ่น PM2.5 หรือไม่”
ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ กล่าวว่า ขณะนี้มีกลุ่มบุคคลพยายามกินรวบประเทศไทย โดยใช้สว.เป็นฐานในการครอบงำองค์กรอิสระ ทั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กกต. และ ป.ป.ช. โดยเฉพาะตำแหน่ง กกต. 2 คนใหม่ ที่กำลังจะถูกสรรหา ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อความเป็นกลางในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
“อย่ามองแต่คำว่ายุบสภาใน 4 เดือน ต้องมองว่ากรรมการเลือกตั้งจะยุติธรรมหรือไม่ เพราะถ้าไม่เป็นกลาง ต่อให้ได้ 100 ที่นั่ง ก็อาจเหลือแค่ 50” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว พร้อมระบุว่า ขณะนี้บางกลุ่มในวุฒิสภาได้ตั้งตนเป็น “เดดล็อก” ประกาศไม่ร่วมมือกับสว.อิสระ แต่ตนไม่หวั่น เพราะ “เรารับเงินเดือนจากประชาชน ไม่ใช่จากพรรคการเมือง”
ขณะที่ น.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ เสริมว่า สว.อิสระหลายคนถูกกดดันจนไม่กล้ามาร่วมแถลงข่าว แต่ตนและเพื่อน ๆ จะยังยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเป็นกลางของวุฒิสภา “แม้จะแพ้ 100 ครั้ง ขอชนะเพียงครั้งเดียวก็พอ”
ด้าน นายเศรณี อนิลบล เปิดเผยเอกสาร “สมุดปกดำ” ที่มีรายชื่อ 21 สว. ซึ่งเคยลงชื่อยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความสถานะของ 138 ส.ว. ที่เกี่ยวข้องกับคดีฮั้ว ถูกแบนไม่ให้ดำรงตำแหน่งใด ๆ ในกรรมาธิการ โดยชี้ว่า “วิปวุฒิสภา” เป็นผู้คัดรายชื่อออกทั้งหมด พร้อมระบุว่า “ตอนนี้ไม่มีใครในกลุ่มสว.อิสระได้รับแต่งตั้งเลย ตำแหน่งกรรมาธิการวนอยู่แค่ 30–40 คนทั้งสภา”
นายเศรณีกล่าวทิ้งท้ายว่านายวุฒิชาติ ซึ่งเป็นเลขาธิการวิปวุฒิสภา มีอิทธิพลสูงจนถูกเรียกกันในหมู่วุฒิสภาว่านี่ไม่ใช่วุฒิสภา แต่เป็นสภาวุฒิชาติแล้วพร้อมย้ำว่า การกระจายอำนาจในสภาและองค์กรอิสระต้องคืนกลับสู่หลักธรรมาภิบาล เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่ากลไกตรวจสอบของประเทศยังคงยึดมั่นในความเป็นกลาง