ไอเอฟดีโพล เผยคนไทยถึง 45% ยังไม่แน่ใจจะเลือกพรรคใด ขณะที่ คนอยากได้“ภูมิใจไทย” แกนนำตั้งรัฐบาลรอบหน้า แซงขึ้นนำ “พรรคประชาชน”
เมื่อวันที่ 6 ต.ค. 2568 ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ (ดร.แดน) ประธานสถาบันการสร้างชาติ ประธานสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา และนางจิตติมา บุญวิทยา ผู้อำนวยการไอเอฟดีโพลและเซอร์เวย์ ร่วมแถลงผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนไทยตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป เรื่อง ประชาชน “อยากได้–ไม่อยากได้ พรรคไหนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในการเลือกตั้งครั้งหน้า” 1,230 ตัวอย่าง สำรวจช่วง 3-5 ต.ค. 2568 ใน 6 ภูมิภาค โดยการลงภาคสนามและการโทรศัพท์ สุ่มตัวอย่างความน่าจะเป็น Stratified Five-Stage Random Sampling ค่าความผิดพลาด 3% ที่ระดับความเชื่อมั่น 95%
โดยผลไอเอฟดีโพลสำรวจความเห็นประชาชนพบว่า พรรคภูมิใจไทยขึ้นนำ (20.57%) ตามมาด้วยพรรคประชาชน (16.91%) ขณะที่ยังมีผู้ไม่เลือกพรรคใดเลย ในสัดส่วนสูง (23.82%) และ ยังไม่แน่ใจ (21.87%) โดยมี พรรคหน้าใหม่ทางเลือกใหม่ เข้ามาในสายตาบางส่วน (7.40%) ส่วนเพื่อไทยอยู่ที่ (5.28%)
ส่วน ฝั่ง “ไม่อยากให้เป็นแกนนำ” สะท้อนแรงต้านต่อเพื่อไทยสูงสุด (41.86%) ตามด้วยพรรคประชาชน (24.19%) และภูมิใจไทย (16.78%) สอดคล้องกับบรรยากาศความกังวลเรื่องเสถียรภาพและธรรมาภิบาลในสายตาประชาชน
เมื่อถามถึง “วันนี้เห็นว่าพรรคใดมีโอกาสได้เป็นแกนนำมากที่สุด” แนวโน้มไปที่ภูมิใจไทย (25.53%) ตามด้วยพรรคประชาชน (18.70%) อย่างไรก็ดี กลุ่ม ยังไม่แน่ใจ ยังคงสูง (34.96%) และ ไม่สน/ไม่ตอบ (11.30%) ขณะเดียวกัน พรรคทางเลือกใหม่ ถูกมองว่ามีโอกาส (5.85%) ส่วนเพื่อไทยอยู่ที่ (3.41%)
ทั้งนี้เมื่อดูผลแยกรายพรรคพบว่า พรรคภูมิใจไทย: ค่อนข้างนำมาในช่วงนี้ ประชาชน “อยากให้” (20.57%) และเชื่อว่า “มีโอกาสได้จริง” (25.53%) ช่องว่างบวก +4.96 จุด บอกว่าใจชอบกับความเป็นไปได้ไปทางเดียวกัน ขณะ “ไม่อยากให้” อยู่ที่ (16.78%)พรรคประชาชน: แรงเชียร์เชิงอุดมการณ์ “อยากให้” (16.91%) แต่แรงต้านสูงกว่า “ไม่อยากให้”ถึง(24.19%) ทำให้ภาพรวมติดลบ เหตุหลักที่ถูกต้านคือประเด็น ม.112 (20.50%) และมีโอกาสเป็นแกนนำ (18.70%)
ส่วนพรรคเพื่อไทย: เด่น “ไม่อยากให้” สูงสุด (41.86%) ขณะที่ “อยากให้” ต่ำ (5.28%) และถูกมองว่า “มีโอกาสได้เป็นแกนนำ” เพียง (3.41%) สะท้อนความเชื่อมั่นถดถอย อาจต้องออกแรงในช่วงนี้อย่างมาก
ส่วนที่ “ยังไม่แน่ใจ” ยังสูงทั้งพรรคที่อยากให้ (21.87%) และพรรคที่คาดว่าจะได้จริง (34.96%) ชี้ว่าประชาชนยังเปิดกว้าง โค้งสุดท้ายในการทำคะแนน สร้างความไว้ใจ มีลุ้นพลิกคะแนน
สำหรับภาพรวมผลโพลสะท้อนว่า ช่วงก่อนเลือกตั้งนี้ ปัจจัยการจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลได้ในมุมมองประชาชน คือ ต้องมีอุดมการณ์ทำเพื่อประชาชน พูดจริงและทำได้จริง มุ่งแก้ปากท้อง ซึ่งคือโจทย์ใหญ่ในสายตาประชาชน
ขณะเดียวกัน ฐาน “ยังไม่แน่ใจ” ยังสูง ทำให้เกมการเมืองยังเปิดกว้างในช่วงโค้งก่อนเลือกตั้งต้นปีหน้า พรรคใดสื่อสารโรดแมปตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ พร้อมมาตรการปากท้องที่จับต้องได้ และยืนบนความโปร่งใสตรวจสอบได้ มีโอกาสแปลงความคาดหวังเป็นความเชื่อใจและคะแนนเสียงจริง ผลสำรวจครั้งนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนทุกพรรคให้เร่งพิสูจน์ด้วย “งานที่ทำได้จริง”
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ แสดงความเห็นเพิ่มเติมว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่า การเมืองสามก๊กใหญ่ พรรคภูมิใจไทยพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ยังไม่ใช่คำตอบของคนไทย ซึ่งประชาชนที่ไม่อยากได้พรรคไหน เมื่อรวมกับประชาชนที่ยังไม่แน่ใจจะเลือกพรรคไหน เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีสูงถึง 45% แต่พรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาชนมีโอกาสมากสุดในการจัดตั้งรัฐบาลรอบหน้า แม้กระทั่งพรรคใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ก็ยังไม่เข้าตาประชาชน ยังไม่ใช่ทางออกของประเทศ
ทั้งนี้ถ้ามีพรรคใหม่ที่ดี มีหัวหน้าพรรคที่เป็นไปตามทฤษฎีแสงตะวัน เป็นดาวฤกษ์และในพรรคมีสปอตไลท์หลายๆดวงช่วยเสริม เพื่อจะช่วยดึงหลอดไฟและแสงหิ่งห้อยเข้ามาสมทบ ก็จะสามารถเป็นทางออกเป็นความหวังให้ประชาชนจะเกิดปรากฏการณ์แลนด์สไลด์ได้ ซึ่งโดยธรรมชาติเกิดขึ้นได้ยากจึงต้องมีการเชิญแสงตะวันเข้ามาในพรรคใหม่ เพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองจากน้ำเน่าเป็นการเมืองน้ำดี หากประชาชนและนักการเมืองที่เข้ามาไม่หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด ถ้าหากไม่มีนักการเมือง พรรคการเมืองที่เป็นแสงตะวันตามที่กล่าวมา การเมืองไทยก็จะยังพายเรือในอ่างเข้าขั้นตกต่ำลงอีก