“รังสิมันต์” ห่วงข่าวจีนส่งอาวุธให้กัมพูชา ก่อนเปิดศึกกับไทยชี้กระทบความรู้สึกคนไทย ร้องกองทัพทบทวนงานข่าว–ไม่ให้เพื่อนบ้านพร้อมกว่า ย้ำสร้างกำแพงชายแดนอย่างเดียวไม่พอ ต้องเสริมกล้องวงจรปิดเฝ้าระวัง
วันที่ 2 ต.ค.นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) และประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีมีรายงานว่าประเทศจีนสนับสนุนอาวุธให้กัมพูชาเพื่อนำมาใช้ต่อสู้กับประเทศไทย ว่า เรื่องนี้น่าเป็นห่วงต่อจุดยืนของจีนต่อความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา ซึ่งกำลังมีความขัดแย้งอยู่ ซึ่งต้องรอให้ฝ่ายจีนออกมาชี้แจงว่าอาวุธดังกล่าวเป็นการให้เปล่าโดยจีนรู้อยู่แล้วว่าจะถูกนำมาใช้ต่อสู้กับไทย หรือเป็นการจัดซื้อจัดจ้างล่วงหน้ามานานแล้ว แต่สิ่งที่ไทยควรถามคือ อาวุธเหล่านี้จะถูกนำไปใช้กับใคร ดังนั้นต้องรอความชัดเจนจากจีน ซึ่งเชื่อว่าจะไม่ช้า และไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้ย่อมกระทบต่อความรู้สึกของคนไทยต่อจีนแน่นอน
เมื่อถูกถามถึงการเตรียมการของฝ่ายไทย นายรังสิมันต์กล่าวว่า ฝ่ายความมั่นคงต้องเตรียมพร้อม เพราะไม่ใช่แค่ความขัดแย้งระหว่างสองชาติ แต่มีโอกาสที่มหาอำนาจจะเข้ามาแทรกแซง ปัญหาชายแดนจึงไม่ควรเตรียมแค่อาวุธ แต่ต้องลงทุนใน “คน” และงานข่าวด้วย พร้อมเสนอให้ประเทศไทยพัฒนางานด้านการข่าวให้ดีกว่าเดิม เพราะจะช่วยให้เราเตรียมการได้ตั้งแต่เนิ่นๆ โชคดีที่ไทยยังมีเครื่องบินรบที่เหนือกว่า แต่คำถามคือ เหตุใดงานข่าวจึงปล่อยให้กัมพูชาพร้อมกว่าที่ไทยมี
นายรังสิมันต์ชี้ว่า ทุกฝ่ายควรทบทวนการทำงานด้านข่าวกรอง ขณะเดียวกันการสร้างกำแพงชายแดนเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องเสริมด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น กล้องวงจรปิด เปรียบเสมือนบ้านที่แม้มีรั้ว แต่ก็ต้องมีกล้องเพื่อเฝ้าระวัง เพราะรั้วสามารถข้ามหรืออ้อมได้ โดยเฉพาะหากสร้างกำแพงเพียงบางจุด ต้องพิจารณาด้วยว่าจะป้องกันได้เพียงใด
“โจทย์ไม่ได้อยู่ที่การสร้างกำแพงอย่างเดียว แต่ต้องเสริมด้วยกล้องวงจรปิด เพราะกล้องคือหลักฐานสำคัญในการเก็บข้อมูล หากพบการลักลอบผ่านแดน ส่วนกลางจะสามารถสั่งการให้หน่วยหน้าดำเนินการได้ทันที” นายรังสิมันต์กล่าว พร้อมย้ำว่าจุดยืนของประเทศมหาอำนาจต่อกรณีนี้มีผลโดยตรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และไทยต้องติดตามคำชี้แจงของจีนอย่างใกล้ชิด