โฆษกรัฐบาลป้ายแดง เผย นายกฯ ห่วงใย ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคเหนืออย่างใกล้ชิด พร้อมขอให้เร่งสำรวจและเยียวยาประชาชนอย่างเต็มที่และรวดเร็ว
วันนี้ (1ต.ค.) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ห่วงใยและได้ติดตามสถานการณ์น้ำในหลายพื้นที่ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิด โดยให้จังหวัดในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ และเร่งสำรวจ ช่วยเหลือและดูแลประชาชน
“นายกฯ ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด สั่งการหากต้องการความช่วยเหลือสามารถรายงานตรงกับอธิบดี ปภ. ได้เลย ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารการแจ้งเตือนได้ทางช่องทางของ ปภ. และหากสถานการณ์มีแนวโน้มจะส่งผลกระทบต่อประชาชน จะส่งแจ้งเตือนผ่าน Cell Broadcast และสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ” และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง”
ซึ่งกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้รายงานว่า อิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ได้ส่งผลกระทบกับหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย. 68 – ปัจจุบัน เกิดสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินสไลด์ในพื้นที่ 14 จังหวัด ในพื้นที่ 31 อำเภอ 85 ตำบล 352 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบรวม 5,484 ครัวเรือน 18,647 คน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ต.ค. 68 เวลา 06.00 น.) โดยปัจจุบันมี 10 จังหวัดที่ยังได้รับผลกระทบ ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เลย หนองบัวลำภู ขอนแก่น มหาสารคาม สุรินทร์ นครราชสีมา และปราจีนบุรี มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 17 อำเภอ 54 ตำบล 207 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 4,207 ครัวเรือน 15,563 คน
โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตยังคงส่งเครื่องจักรกลสาธารณภัยลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อเนื่อง ย้ำหน่วยงานบริหารจัดการสาธารณภัยและการใช้ทรัพยากรโดยใช้กลไกศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน (Emergency Operation Center: EOC) และยึดหลักความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ อิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ยังคงมีสถานการณ์ฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในหลายพื้นที่ โดยกรมอุตุนิยมวิทยายังคาดการณ์ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ อาจจะส่งผลให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ช่วงประมาณวันที่ 5 ตุลาคมนี้
“ขอให้ทุกจังหวัดได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ ทั้งการเตรียมทรัพยากรในการป้องกัน เตรียมพื้นที่อพยพประชาชน พร้อมจะต้องเร่งสำรวจเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยต้องใช้ทุกกลไกร่วมกันรับมือช่วยดูแลพี่น้องประชาชน ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ ต้องประชาสัมพันธ์ให้พี่น้องประชาชนรับรู้รับทราบผ่านทุกช่องทาง ให้สามารถเตรียมรับมือกับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงทีด้วย” นายสิริพงศ์กล่าว