“ศิริกัญญา” อัดรบ.รีบร้อนดัน “คนละครึ่งพลัส” ใช้งบมหาศาล 6.6 หมื่นล้าน ส่อซื้อเสียงล่วงหน้า เตือนหนี้สาธารณะปี 69 พุ่ง 69% กู้เพิ่มได้แค่ 2.1 แสนล. รมต.คนนอกนั่งนิ่งปล่อยรัฐบาลทำอะไรก็ได้ หวั่นสร้างความเสียหายยากเกินแก้ไข
วันนี้ (29ก.ย.) น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชนอภิปรายถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ว่าขาดความชัดเจน ไม่แตกต่างจากรัฐบาลก่อนหน้า และไม่ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาเร่งด่วนที่แท้จริง คำแถลงนโยบายครั้งนี้ “เต็มไปด้วย What แต่ไร้ How” คือมีแต่การบอกว่าจะทำอะไร แต่ไม่อธิบายว่าจะทำอย่างไรให้สำเร็จภายใน 4 เดือน และไม่มีการจัดลำดับความสำคัญของปัญหา ทั้งยังสะท้อนว่าพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้เตรียมนโยบายเชิงโครงสร้างมาอย่างเข้มข้นเหมือนพรรคการเมืองอื่น
ยกตัวอย่างโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ซึ่งรัฐบาลประกาศว่าเป็นเพียงเฟสแรก ใช้งบประมาณสูงถึง 66,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน เติมเงิน 1,700 บาท/คน ใช้งบ 22,000 ล้านบาท ผู้ที่ไม่ได้ยื่นภาษี 9 ล้านคน รัฐสมทบ 2,000 บาท/คน ใช้งบ 18,000 ล้านบาท ผู้ที่ยื่นภาษี 11 ล้านคน รัฐสมทบ 2,400 บาท/คน ใช้งบ 26,400 ล้านบาท
“ การผลักดันโครงการนี้อย่างรีบร้อน โดยกำหนดให้ ครม.ต้องอนุมัติภายในสิ้นเดือน ก.ย. ถึงขั้นมีข่าวว่าอาจนัดประชุมพิเศษในวันอาทิตย์ “เพื่อกดปุ่มโอนเงิน” นั้นชวนให้ตั้งคำถามว่าจุดประสงค์แท้จริงคือการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือหวังผลทางการเมือง”
น.ส.ศิริกัญญาย้ำว่าโครงการคนละครึ่งแม้เคยช่วยกระตุ้นยอดขายรายย่อย แต่หากไม่มีการปรับเงื่อนไข เช่น กำหนดขั้นต่ำการใช้จ่าย สิทธิ์หมดวันต่อวัน ก็ไม่สามารถสร้างแรงกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง พร้อมตั้งข้อสงสัยว่า “เมื่อปีที่แล้วเพิ่งแจกเงินหมื่นผ่านบัตรสวัสดิการ ปีนี้กลับมาแจกอีก ทั้งที่ไม่ได้ช่วยผู้ประกอบการรายย่อย แต่กลับกลายเป็นมาตรการที่ถูกมองว่าอาจซื้อเสียงล่วงหน้าได้”
น.ส.ศิริกัญญา ยังขยายความถึงภาระการคลังว่า รายได้รัฐปี 68 ต่ำกว่าเป้า 34,000 ล้านบาท ขณะที่ปี 69 หนี้สาธารณะจะพุ่งแตะ 69% ของจีดีพี ทำให้กู้เพิ่มได้เพียง 2.1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นข้อจำกัดสำคัญ หากรัฐบาลยังใช้ “กระสุนการคลัง” ไปหมดในปีนี้ ย่อมไม่เหลือเครื่องมือให้รัฐบาลชุดหน้า
“สิ่งที่น่ากังวลคือรัฐบาลกำลังเร่งรีดทุกบาทจากงบกลางเพื่อคะแนนนิยม โดยที่รัฐมนตรีคนนอกซึ่งควรจะเป็นที่พึ่งด้านการคลังกลับนั่งนิ่ง ไม่ทักท้วงอะไรเลย ถ้ารัฐมนตรีคนนอกมีแต่โปรไฟล์สวยหรู แต่ไม่กล้าออกมาปกป้องระบบการคลัง จะมีประโยชน์อะไร”
รองหัวหน้าพรรคประชาชนยังชี้ว่า รัฐบาลนี้อาจไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจในเวลาเพียง 4 เดือน แต่สิ่งที่ไม่ควรทำคือการตัดสินใจที่ทำให้ประเทศเสียหายอย่างถาวร
“วันนี้ไม่มีใครว่า หากรัฐบาลแก้ปัญหาไม่สำเร็จเพราะเวลาไม่พอ แต่สิ่งที่ประชาชนกลัวคือรัฐบาลจะทำอะไรที่ทำให้เราสูญเสียความเชื่อมั่นและไม่สามารถกู้คืนได้อีกในอนาคต”น.ส.ศิริกัญญากล่าว