xs
xsm
sm
md
lg

“ธรรมนัส” ลุยพิจิตรมอบถุงยังชีพโฉนดบรรเทาทุกข์น้ำท่วม สั่งดูแลประตูระบายลั่นต้องไม่เดือดร้อนซ้ำซาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ธรรมนัส” นำทีมเกษตรฯ ลุยพิจิตร มอบถุงยังชีพ โฉนดที่ดิน บรรเทาทุกข์น้ำท่วม สั่ง กรมชลประทาน ดูแลประตูระบาย พร้อมวางแผนระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ ย้ำ ประชาชนต้องไม่เดือดร้อนซ้ำซากทุกปี

เมื่อวันที่ (28 ก.ย.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมมอบถุงยังชีพ เสบียงอาหารสัตว์ ชุดเวชภัณฑ์ ปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และโฉนดเอกสารสิทธิที่ดินทำกิน ส.ป.ก. 4-01 เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทั้งด้านความเป็นอยู่และการทำการเกษตร ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี หมู่ที่ 6 ต.สามง่าม อ.สามง่าม จ.พิจิตร

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ปัญหาน้ำท่วมเกิดขึ้นซ้ำซากทุกปี ตั้งแต่ต้นน้ำภาคเหนือจนถึงลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทำให้หลายจังหวัดตั้งแต่สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อยุธยา ไปจนถึงกรุงเทพฯ ต้องเผชิญความเสียหาย จำเป็นต้องแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง จึงได้มอบหมายกรมชลประทานเตรียมความพร้อมทั้งแผนการดำเนินงานและการปฏิบัติ รวมถึงการวางแผนระยะยาวอย่างยั่งยืน เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย โดยเน้นการสร้างแหล่งเก็บกักน้ำทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง การปลูกป่าในพื้นที่ต้นน้ำ การซ่อมแซมประตูระบายน้ำ และการวางแผนระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเดือดร้อนซ้ำซาก

นอกจากนี้ ยังได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องการช่วยเหลือด้านสาธารณูปโภค ยารักษาโรค และอาหารอย่างทั่วถึง รวมถึงจัดระบบการแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันท่วงที พร้อมทั้งกำชับให้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบโดยเร็วที่สุด

จากนั้นคณะรัฐมนตรีเกษตรฯ ได้เดินทางไปยังประตูระบายน้ำท่าแห ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและรับฟังการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยกรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากและปัญหาขาดแคลนน้ำ เนื่องจากลุ่มน้ำยมยังไม่มีแหล่งเก็บกักน้ำไว้ทางตอนบน

กรมชลประทาน จึงได้ก่อสร้างประตูระบายน้ำในแม่น้ำยมเป็นช่วง เพื่อทดน้ำไว้ใช้ สำหรับประตูระบายน้ำท่าแห ขณะนี้ได้ก่อสร้างเสร็จแล้ว สามารถกักเก็บน้ำได้ประมาณ 12.60 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกกว่า 81,100 ไร่ รวมทั้งสนับสนุนน้ำอุปโภคบริโภคให้แก่ประชาชนกว่า 1,400 ครัวเรือน พร้อมร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ ปลาโพง ปลาตะเพียน และปลาสวาย

จากนั้น รมว.เกษตรฯ และคณะ ยังได้ติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ ณ ประตูระบายน้ำบ้านวังจิก ต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร ซึ่งประตูระบายน้ำดังกล่าวมีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้วกว่า 52% หากแล้วเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้กว่า 4.10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้ในการเกษตรและอุปโภคบริโภค ครอบคลุมพื้นที่กว่า 37,397 ไร่ ใน 6 ตำบล 3 อำเภอของจังหวัดพิจิตร ทั้งนี้ ได้กำชับให้กรมชลประทานเร่งรัดงานก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์โดยเร็ว ลดผลกระทบจากน้ำท่วม และแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น