สภาผู้บริโภคพ่าย ศาลปค.กลางพิพากษา กทสช.มีมติเห็นชอบให้ทรู-ดีแทค ควบรวมกิจการ ชอบด้วยกม. "สุภิญญา" ยอมรับความพ่ายแพ้ อุทธรณ์สู้ต่อ เดินสายพบนักการเมือง ดันแก้กม. กสทช.ป้องกันการผูกขาดโทรคมนาคม
วันนี้ (26ก.ย.) ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษายกฟ้องคดีในคดีที่สภาองค์กรของผู้บริโภคยื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) และสำนักงาน กสทช. ต่อศาลปกครอง เนื่องจากเห็น มติของ กสทช. ในการประชุม กสทช. นัดพิเศษ ครั้งที่ 5/2565 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ที่เห็นว่า การรวมธุรกิจระหว่างการรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรูคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ทรู และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเช็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค ไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันตามประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาคหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 เป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยมี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท หลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้ร้องสอด
ศาลให้เหตุผลว่า เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ประกาศ กทช.เรื่อง มาตรการ เพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาด หรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรม ในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ไม่ได้กำหนดให้ กสทช. จะต้องรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ หรือรับฟังรายงานจากที่ปรึกษาอื่น ๆ ก่อน อีกทั้ง มติ กสทช.ดังกล่าวมีผลผูกพันบริษัท ทรู และบริษัท ดีแทค เป็นการเฉพาะราย ไม่ใช่การออกระเบียบ ประกาศ หรือคำสั่ง เกี่ยวกับการกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคมที่มีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป จึงไม่จำต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียหรือประชาชนทั่วไปตาม พรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 และตามกฎหมายอื่น และเนื่องจากการรวมธุรกิจของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นการรวมธุรกิจระหว่างผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตกับผู้รับใบอนุญาตรายอื่นหรือผู้มีอำนาจควบคุมของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นเกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ แตกต่างกับการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกัน โดยการเข้าซื้อหรือถือหุ้นเกินกว่าร้อยละสิบ หรือเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งหมดหรือบางส่วนเพื่อควบคุมนโยบายหรือการบริหารธุรกิจของผู้รับใบอนุญาตรายอื่นที่จะต้องมีการขออนุญาตจาก กสทช. การที่ กสทช.มีมติรับทราบการรวมธุรกิจของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยกำหนดเงื่อนไขหรือมาตรการเฉพาะให้บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ปฏิบัติ จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว พิพากษายกฟ้อง
ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ อดีต กสทช. และประธานคณะอนุกรรการด้านการสื่อสารฯ สภาผู้บริโภค กล่าว ภายหลังรับฟังคำสั่งศาลปกครองว่า รู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าเรื่องมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร และนึกไม่ออกว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรในมุมของเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญในเรื่องคลื่นความถี่ การแข่งขันอย่างเสรีเป็นธรรม การคุ้มครองผู้บริโภค โดยเฉพาะธรรมาภิบาลของ กสทช. ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่สังคมเห็นอยู่ โดยยืนยันว่าได้ดำเนินการทุกทางแล้ว แต่กระบวนการของศาลปกครอง เป็นเหมือนปลายทางสุดท้าย โดยจะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป ขณะเดียวกันก็ต้องกลับมาคิดว่าจะมีทางออกอื่นอีกหรือไม่ที่จะเป็นความหวังให้กับสังคมไทยและผู้บริโภคในเรื่องกิจการโทรคมนาคมที่เจอสภาวะแบบนี้
"จากนี้ คิดว่าคงจะต้องกลับไปหาความหวังที่ฝ่ายการเมืองต่อในแง่ที่ว่าเราพ่ายแพ้ในนิติสงคราม คือเรายอมรับความพ่ายแพ้ขั้นต้นจากข้อกฎหมายที่ศาลพิจารณามา แต่แน่นอนยังไม่สิ้นสุดกระบวนการต้องสู้กันต่อจนศาลสูงสุด ก็คงต้องฝากความหวังให้ศาลสูงสุดพิจารณาต่อไป แต่ในการหาทางออกให้กับผู้บริโภคถ้าเจอทางตันในแง่ข้อกฎหมายคงจะต้องไปที่ฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป คงฝากหวังไว้ที่การเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ก็คงจะเสนอสภา เดินสายพบพรรคการเมืองขอทำ MOU , MOA แม้ว่าจะเป็นความหวังลมๆแล้งๆ แต่อาจจะเป็นทางออกก็ได้ที่จะขอนโยบายพรรคการเมืองว่าภายใต้ข้อจำกัดที่มีการแข่งขันแค่ 2 ราย แล้วราคาก็สูงขึ้น แม้ศาลท่านจะบอกว่า กสทช.มีอำนาจในการกำกับตามมาตรการเยียวยาแต่เราก็เห็นตามข้อเท็จจริงว่ากสทชเองก็ไม่ได้กระตือรือร้นและเพิกเฉย ผู้บริโภคเข้าบ่นตลอดในเรื่องคุณภาพสัญญาณและราคา นั้นโจทย์เรื่องนี้คงต้องไปที่ผู้แทนปวงชนซึ่งเป็นจังหวะที่ว่าหากมีการเลือกตั้งในต้นปีหน้าเราก็ฝากให้ทุกพรรคการเมืองเอาเรื่องนี้เข้ามาอาจจะเป็นฐานคะแนนให้กับท่านด้วยเพราะเป็นปัญหาของประชาชน " น.ส.สุภิญญา กล่าว
น.สสุภิญญา กล่าวอีกว่า น่าจะเป็นทางออกอื่นในเชิงฝ่ายบริหารซึ่งจะต้องมีการหารือกัน และอาจจะต้องไปแก้กฎหมาย กสทช.เพราะไม่นึกว่ากสทชจะพาเรื่องราวมาถึงวันนี้ ซึ่งเกิดจากการแก้กฎหมายภายใน แก้ประกาศ จนทำให้ประชาชนแทบไม่มีทางออก ดังนั้นจะต้องแก้ที่ต้นทาง โดยทบทวนประกาศใหม่ๆ แก้ปัญหาโครงสร้าง กสทช. พร้อมย้ำว่ารู้สึกเสียใจ แม้ความหวังริบหรี่ แต่ก็ต้องสู้ต่อไปตามสิทธิและหนทางอื่นๆ