เปิดร่างคำร้อง 2 สมาคมอนุรักษ์จ่อยื่นป.ป.ช.ฟัน 3 พรรคดันร่างกม.ปล่อยผีคดีรุกป่า นายกสมาคมอุทยานฯ เตือนให้หยุด-ถอนร่าง หากไม่ฟังยื่นแน่ "ดำรงค์ พิเดช" ลั่นไม่เห็นด้วยกม.นิรโทษฯคนรุกป่า เหตุยั่วยุให้โค่นป่าครั้งใหญ่
เมื่อวันที่ (26 ก.ย.) จากกรณีที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติเมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ผ่านมาเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ. 2 ฉบับ คือ ร่าง พ.ร.บ.ยกเว้นความผิดให้แก่บุคคลที่ได้รับความเสียหายหรือผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายรัฐด้านป่าไม้และที่ดิน พ.ศ. … เสนอโดยนายซูการ์โน มะทา สส.ยะลา พรรคประชาชาติ กับคณะ และร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ พ.ศ. … เสนอโดยนายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โดยมีเสียงคัดค้านจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนักอนุรักษ์ ว่าจะเป็นการนิรโทษกรรมคดีที่ดินป่าไม้ย้อนหลังไปกว่า 70 ปี ซึ่งจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุน นักการเมือง นอมินี โรงแรม รีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ ที่ถูกบุกรุกพื้นที่ป่าหรือไม่นั้น
ล่าสุดสมาคมศิษย์เก่าวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และสมาคมอุทยานแห่งชาติ ได้ร่างหนังสือเพื่อเตรียมยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 2 ฉบับ คือ เรื่องขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยความผิดอาญาและความผิดทางจริยธรรมร้ายแรงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรณีเสนอร่าง พ.ร.บ.ยกเว้นความผิดบุคคลฯ ซึ่งมีผู้ถูกร้องเรียน ประกอบด้วย สส.พรรคประชาชาติ พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 20 คน และเรื่องขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยความผิดทางอาญาและความผิดทางจริยธรรมร้ายแรงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรณีเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมแก่ราษฎร ฯ ซึ่งมีผู้ถูกร้องประกอบด้วย สส.พรรคประชาชน จำนวน 24 คน
โดยเนื้อหาคำร้องทั้ง 2 ฉบับ มีใจความสรุปว่า
1.ขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบข้อเท็จจริงและไต่สวนว่า การกระทำของผู้ถูกร้อง เข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา มีการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ เนื่องจากผู้ถูกร้อง ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มีส่วนร่วมในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ที่มีเนื้อหาเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลทั่วไป สามารถเข้าครอบครองหรือใช้ประโยชน์ในที่ดินป่าไม้โดยมิชอบ ทั้งยังได้โฆษณาหรือให้ข่าวต่อสาธารณะในลักษณะที่ทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจว่าการบุกรุกหรือเข้ายึดถือพื้นที่ป่าไม้จะไม่เป็นความผิด ซึ่งเป็นการบ่อนทำลายการบังคับใช้กฎหมายของรัฐ อันอาจเป็นความผิดตามประมวลกำหมายอาญามาตรา 157 ประกอบ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
2.ขอให้ตรวจสอบว่าผู้ถูกร้องได้กระทำการละเมิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ เนื่องจากผู้ถูกร้องกระทำการโดยขัดต่อ ข้อ 6 และข้อ 21 ตามมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ.2561 ซึ่งกำหนดให้ สส. ต้องปฏิบัติหน้าที่รักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยของประชาชน ยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ไม่ทำให้สังคมเสียหายหรือประชาชนเกิดความเข้าใจผิด การเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ. ที่มีผลทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าการบุกรุกป่าเป็นสิ่งที่กระทำได้โดยไม่ต้องรับโทษ ถือเป็นการบ่อนทำลายระบบนิติรัฐ และขัดต่อคุณธรรมจริยธรรมในระดับร้ายแรง
3.ขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ใช้อำนาจวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว หากไต่สวนแล้วเห็นว่าข้อร้องเรียน มีข้อเท็จจริง โปรดเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อพิจารณาลงโทษ เพื่อไม่ให้เกิดบรรทัดฐานอันผิดพลาดในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป และ 4.ขอให้มีข้อเสนอไปยังรัฐสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแนวทางไม่ให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือกรรมาธิการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่บ่อนทำลายการคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศ และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อประโยชน์สาธารณะอีกในอนาคต
ทั้งนี้นายพสิษฐ์ เอี๋ยวพานิช นายกสมาคมอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า คิดว่าผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งจะทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างแน่นอน ต้องนำทุกคนมาอบรมเรื่องนิเวศป่าไม้ หรือต่อไปต้องกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะเป็น สส. ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรของกระทรวงทรัพยากรฯ กำหนดเป็นคุณสมบัติของผู้แทนราษฎร โดยจะนำความเห็นนี้เสนอต่อรัฐบาล ซึ่งผู้ไม่มีความรู้และตัดสินใจผิดพลาดนั้นให้อภัยได้ แต่ตนเชื่อว่ามีผู้แทนราษฎรหลายคนรู้แล้วยังทำอันนี้ให้อภัยไม่ได้
“สมาคมศิษย์เก่าคณะวนศาสตร์และสมาคมอุทยานแห่งชาติ จะผนึกกำลังกันปกป้องที่ดินของรัฐอย่างสุดความสามารถ อันดับแรกคือแจ้งทุกพรรคการเมืองให้หยุดหรือถอนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่ถ้ายังไม่ถอนก็ต้องฟ้องร้องต่อ ป.ป.ช. เพราะร่างดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญไทย เพราะที่ดินของรัฐเป็นของคนไทยทุกคน ไม่ใช่กลุ่มคนใดคนหนึ่ง และผมขอเชิญทุกคนมาร่วมแสดงพลังในเรื่องนี้ เพราะหากกฎหมายดังกล่าวประกาศใช้จริง ประเทศไทยจะเสียที่ดินป่าไม้อีกหลายล้านไร่ และจะเกิดการเปลี่ยนมือออกโฉนดที่ดิน และสุดท้ายตกไปอยู่ในมือของนายทุน”นายกสมาคมอุทยานฯ กล่าว
ด้านนายดำรงค์ พิเดช อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทยและอดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายดังกล่าวเด็ดขาดเพราะจะเป็นการยั่วยุให้เกิดการบุกรุกโค่นป่าครั้งใหญ่ การนิรโทษกรรมคดีที่ดินป่าไม้ ต้องเป็นการนิรโทษกรรมเฉพาะคนยากคนจนเท่านั้น จะไปเหมารวมนายทุน นักการเมือง ผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศที่บุกรุกป่านั้นไม่ได้ ดังนั้นเรื่องนี้ทุกฝ่ายจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ