ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ อนุทิน-ภท. เลิก MOU ไทย-เขมร ต้องทำประชามติ! เล่นละครซื้อเวลาเพราะขี้ขลาดบวกกะล่อน!
หนึ่งในนโยบายที่รัฐบาล “อนุทิน ชาญวีรกูล” เตรียมแถลงต่อรัฐสภา วันจันทร์ที่ 29 ก.ย.นี้ คือการจะทำ“ประชามติ” ให้ประชาชนตัดสินใจว่า จะยกเลิก MOU ไทย-กัมพูชา หรือไม่?
ทั้งที่ก่อนนี้ พรรคภูมิใจไทย “โหนกระแส” แบบเสียงดังฟังชัดว่า MOU 2543-2544 ต้องยกเลิกทันทีไม่มีเงื่อนไข!
แต่พอถึงคราวเป็นรัฐบาลจริง กลับแปรเปลี่ยนเป็นต้องให้ประชาชนโหวตเสียก่อน
แบบนี้ไม่เรียกว่า“พลิกลิ้น” จะให้เรียกว่าอะไร?
MOU 43-44 รัฐบาลต้องรู้ดีว่า คือปมร้อนที่ทำาให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชามาโดยตลอด
ตั้งแต่ต้องใช้แผนที่ 1:200,000 แทนมาตรฐานสากล 1:50,000 ยอมให้การพัฒนาพื้นที่อ้างสิทธิ์ต้องทำร่วมกัน
เปิดช่องให้กัมพูชารุกล้ำสิทธิในทรัพยากรพลังงานของไทย ไม่เคยผ่านรัฐสภาไทย ขาดความชอบธรรมตั้งแต่
ต้น
ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ไทยมีสิทธิยกเลิกได้ทันที โดยใช้เพียงมติ ครม. เพราะตอนทำา ก็ไม่ได้ผ่านสภาฯ
ที่สำาคัญ เมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดก่อน ใช้อาวุธยิงถล่มพลเรือน และสถานพยาบาลชายแดนไทยจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
นี่เข้าข่ายการละเมิดอย่างร้ายแรงตามอนุสัญญาเวียนนา 1969 ไทยจึง “มีสิทธิบอกเลิก” ได้ทันที!
แต่สิ่งที่ปรากฏกลับตรงกันข้าม...
มิหนำซ้ำ วันที่ 10 ก.ย. 68 มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา MOU ไทย-กัมพูชา โดยมี “ไชยชนก ชิดชอบ” สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย “ลูกชายเนวิน” เป็นประธานกรรมาธิการ
ทว่า “ไชยชนก” กลับไม่เคยเข้าประชุมเลยสักครั้ง! ปล่อยให้ “จักรภพ เพ็ญแข” ฝั่งเพื่อไทย นั่งคุมเกมแทนทั้งสองนัด
กรรมาธิการกลายเป็นเวที “ลิเกโรงใหญ่” มากกว่าจะจริงจัง เพราะแทนที่จะได้แลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึก กลับกลายเป็นพื้นที่ครอบงำ โดยฝ่ายที่สนับสนุน MOU เสียเอง
ทั้งเอกสารสำาคัญ TOR 2546, รายงาน JBC, คำพิพากษาศาลโลก ฯลฯ ก็ไม่มีการแจกให้ศึกษาลงลึก
มีเพียงบันทึกการประชุมสั้นๆ เหมือนจงใจปิดข้อมูล!
ขนาด “อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ที่ปรึกษาซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องนี้ที่สุด ยังถูกกันออกจากวงสนทนาเกือบตลอด
ทั้งหมดจึงสะท้อนชัดว่าการตั้งกรรมาธิการ ไม่ใช่เพื่อยกเลิก MOU อย่างจริงใจ แต่เพื่อ “ซื้อเวลา” และสร้างความชอบธรรมให้เอกสารที่ทำาให้ชาติเราเสียเปรียบ
มาถึงนโยบายที่จะแถลงโดยจะให้เป็นเรื่องของ “ประชามติ” ที่แท้ภูมิใจไทยจงใจ “เล่นละครการเมือง”
ใช้ MOU เป็นเครื่องมือสร้างกระแสเรียกเรตติ้ง
แต่พอได้เป็นรัฐบาลจริงก็ “ถอย” ทั้งขี้ขลาดไม่กล้าตัดสินใจ และ “กะล่อน” เพราะบิดพลิ้วจากคำพูดตัวเอง และขี้ขลาดไม่กล้าตัดสินใจ
แล้วถามกลับว่า...ตอนที่จับมือทำ MOA กับพรรคส้ม พรรคประชาชน มีการทำาประชามติบ้างหรือไม่?
คำตอบก็คือไม่มี! แล้วทำไมเรื่องอธิปไตยชาติกลับมาอ้างต้องให้ประชาชนตัดสินใจ?
นี่แหละคือการเปลือยธาตุแท้ “อนุทิน-ภูมิใจไทย”
จากที่เคยชูป้าย “ยกเลิกทันที” กลายเป็น “เลิกก็ได้ ถ้าประชามติเอาด้วย” ซึ่งในทางการเมือง ก็คือการยื้อเวลาไปเรื่อยๆ
คำถามคือ ถ้ารัฐบาลจริงใจ ไม่คิดจะ “ขายชาติ”! จะต้องรออะไรอีก?
หรือที่แท้แล้ว MOU 2543-2544 ก็คือ “ขุมทรัพย์” ที่คอยแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันกับเขมร และเพียงใช้ปั่นกระแสเรียกคะแนน แต่ไม่เคยมีความตั้งใจยกเลิกจริงแต่แรกเลย!.
++ ศึกเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ ระหว่างเพื่อไทย กับ ภูมิใจไทย ภาพสะท้อนเลือกตั้งใหญ่ที่กำาลังจะมาถึง!?
วันอาทิตย์ที่ 28 ก.ย.นี้ เป็นวันเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 (อ.ขุนหาญ อ.ภูสิงห์) จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 10 ส.ค. แต่ต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากเหตุปะทะไทย-กัมพูชาในสงคราม 5 วัน ที่ผ่านมา
“อมรเทพ สมหมาย” สส.ศรีสะเกษ เขต 5 พรรคเพื่อไทย เจ้าของพื้นที่เดิมถึงแก่กรรม ทางพรรคเพื่อไทย ก็ส่ง “กุ้ง” ภูริกา สมหมาย ลูกสาวของ “อมรเทพ” ลงสมัคร เพื่อรักษาพื้นที่นี้
“อมรเทพ” เป็น สส.ศรีสะเกษ 3 สมัย มีธุรกิจโรงแรม ร้านทอง จัดโต๊ะจีน ในพื้นที่ก็ถือว่าอยู่ในระดับ “บ้านใหญ่”
ส่วนคู่แข่งของ “ภูริกา” ก็คือ “ครูอีฟ” จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล จากพรรคภูมิใจไทย ทายาทการเมือง ของ “ธีระ ไตรสรณกุล” อดีต สส. 2 สมัย ของศรีสะเกษเหมือนกัน
นามสกุล “ไตรสรณกุล” นี่ก็ระดับบ้านใหญ่ของศรีสะเกษ โดย “วิชิต ไตรสรณกุล” คือนายก อบจ. 7 สมัยของจังหวัด โดยเฉพาะครั้งล่าสุด เอาชนะคู่แข่งจากพรรคเพื่อไทย แบบว่าแทบทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร” ต้องเอาปี๊บคลุมหัว เพราะลงไปช่วยหาเสียง “ไปไล่หนูตีงูเห่า” ด้วยตัวเอง แต่แพ้ยับเยิน
และ “วิชิต” ก็มีลูกสาวชื่อ “น้องกวาง” ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนล่าสุด ที่มีอายุน้อยที่สุด และเพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ หลัง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมานี้เอง
“น้องกวาง” กับ “ครูอีฟ” เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และในช่วงที่ผ่านมาก็ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงหลายครั้ง โดยเฉพาะ “อนุทิน” นั้นไปมา 2 ครั้งแล้ว
ขณะที่ “ภูริกา” ก็มีระดับแกนนำาพรรคเพื่อไทยลงไปช่วยหาเสียง เพื่อรักษาพื้นที่ไว้ให้ได้เช่นกัน เพียงแต่ว่า “อุ๊งอิ๊งค์” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ยังไม่ได้ลงไป เพราะเกรงว่าจะโดนกระแสตีกลับ ว่าเป็นเพราะ “อุ๊งอิ๊งค์” โทร.คุยกับ “อังเคิล” จนทำให้เกิดสงคราม ชาวบ้านต้องอพยพหนีตายออกจากพื้นที่
ส่วน “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค ก็อยู่ในเรือนจำคลองเปรม ขวัญและกำลังใจ ความฮึกเหิม จึงอาจเป็นรองผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทย อยู่บ้าง
การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ เป็นการวัดกันระหว่างสองบ้านใหญ่
คนรุ่นใหม่อาจมอง“บ้านใหญ่” ว่าเป็นระบบการเมืองเก่า แต่สำหรับชาวบ้านแล้ว บ้านใหญ่คือที่พึ่งพิง ช่วยแก้ปัญหายามเดือดร้อนได้ ตั้งแต่ถนน น้ำท่วม ไปจนถึงการหางานให้ลูกหลาน งานบุญ งานบวช จนกลายเป็นความผูกพัน เป็นบุญคุณที่ต้องตอบแทนกัน
เมื่อฤดูเลือกตั้งมาถึง “ภูริกา” เป็นคนของพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองในระบอบทักษิณ ที่หยั่งรากลึกมานาน มีอิทธิพล บารมีครองใจคนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคอีสาน
เพียงแต่ช่วงนี้ “แพทองธาร” หัวหน้าพรรค เพิ่งถูกถอดถอนจากตำแหน่งนายกฯ “ทักษิณ” ก็เพิ่งถูกศาลฎีกาฯ สั่งให้กลับไปรับโทษ จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าพรรคกำลังอยู่ในช่วงขาลง
ขณะที่ “ครูอีฟ” จินณ์ตวรรณ เป็นคนของเครือข่ายบ้านใหญ่ในระดับนักการเมืองท้องถิ่น กำลังพัฒนาขึ้นเป็นบ้านใหญ่ ในการเมืองระดับชาติ โดยเฉพาะการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ อยู่ในช่วงที่พรรคภูมิใจไทยเพิ่งจัดตั้งรัฐบาลเสร็จพอดี คนในตระกูลยังได้เป็นเลขาธิการนายกฯ หรือที่เรียกกันว่า “นายกฯน้อย” จึงดูว่า พรรคกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น
มีการพูดกันมากว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จะเป็นการสะท้อนถึงภาพการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า
คือพูดเหมือนกับว่าถ้าคนของพรรคภูมิใจไทยชนะครั้งนี้ ก็จะชนะเลือกตั้งใหญ่ด้วย
เพราะขณะนี้พรรคภูมิใจไทย ที่เป็นพรรคขนาดกลาง ใช้ยุทธศาสตร์ “ดูด” บ้านใหญ่ ทั้งในพื้นที่ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ เพื่อจะเป็นพรรคขนาดใหญ่ เป็นแกนนำาจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกครั้งหน้า
แต่ก็ไม่แน่เสมอไป พรรคเพื่อไทย ที่มีพื้นฐานทางการเมืองมานาน เลือกตั้งใหญ่แต่ละครั้ง ไม่มีต่ำร้อย
มีเครือข่ายคนเสื้อแดงเป็นแรงหนุน เพียงแต่ครั้งนี้ตกต่ำเพราะเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา กับเรื่องทักษิณ
ป่วยทิพย์
ขณะเดียวกันถ้า “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกฯ แล้วช่วงที่เป็นรัฐบาล ก็มุ่งแต่จะจัดการปัญหาของตัวเอง
ทั้งเรื่องเขากระโดง เรื่องฮั้ว สว. เรื่องยึดทางสาธารณะเป็นสนามบินส่วนตัว แต่จัดการปัญหาไทย-กัมพูชาไม่ได้ตามที่คุยไว้
อย่างเช่นการยกเลิก MOU 2543-2544 กระแสอาจจะตีกลับ ไม่เอาภูมิใจไทยในการเลือกตั้งใหญ่ก็เป็นได้
แต่เฉพาะหน้าตอนนี้ ต้องดูว่า คนขุนหาญ และคนภูสิงห์ จะกาบัตรเลือกใครในวันอาทิตย์นี้.