ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ “เขากระโดง 5 พันไร่ ศาลสั่งเพิกถอนชัด แต่รัฐบาลสีน้ำเงินตีลังกา "แปลงสาร" เข้าทางบ้านใหญ่บุรีรัมย์!
ความเป็นไปของ "คดีที่ดินเขากระโดง" น่าสนใจยิ่ง หลังอำนาจรัฐพลิกกลับมาอยู่ในมือ “พรรคสีน้ำเงิน”
คงไม่ต้องบอกว่า รัฐบาล-มหาดไทย-กรมที่ดิน และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เกี่ยวข้องกับที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย จะทำอย่างไร!? และใครจะได้ประโยชน์?
เพราะยังไม่ทันไร ตอนนี้สัญญาณส่งมาชัดจากกระทรวงมหาดไทยที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย คัมแบ็ก
บรรดาข้าราชการก็ยูเทิร์นตามผู้มีอำนาจทันที โดยเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่ผ่านมา “อรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์” ปลัดกระทรวงมหาดไทย , “พรพจน์ เพ็ญพาส” รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และ “ขจรเกียรติ รักพานิชมณี” อธิบดีกรมที่ดิน ร่วมกันแถลงข่าวประสานเสียงว่า..
"กรณีการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) บริเวณเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 5,083 ไร่เศษ โดยอธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจตาม มาตรา 61 วรรค 8 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน "เพิกถอน" เอกสารสิทธิในที่ดินที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ ‘เขากระโดง’ และให้ดำเนินการตามมติของ "คณะกรรมการสอบสวน ตามมาตรา 61" แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งมีมติ “ไม่เพิกถอน” เอกสารสิทธิฯ ที่ออกทับที่ดินรถไฟฯ บริเวณแยกเขากระโดง
พูดง่ายๆ ก็คือ วนกลับไปที่เดิม อ้างมติคณะกรรมการฯกรมที่ดิน แทนที่จะบังคับใช้กฎหมาย "เพิกถอน" ตามคำสั่งศาล กลับ "แปลงสาร" เพื่อให้เข้าทางรัฐบาลสีน้ำเงิน ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับที่ดินเขากระโดงของการรถไฟ!
นี่แหละที่เขาว่า พรรคสีน้ำเงินที่พยายามเข้ามาเป็นรัฐบาล รับเงื่อนไขพรรคสีส้มทุกอย่าง ก็เพื่องานนี้
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ความจริงก็คือความจริง ซึ่งจะไม่เปลี่ยนแปลงได้ก็คือ...
จากคำพิพากษาศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ศาลได้วินิจฉัยอย่างชัดเจน ว่า
-ที่ดิน “เขากระโดง” เป็นเขตทางรถไฟ อันเป็นทรัพย์สินสาธารณะเพื่อกิจการรถไฟ
-การออกหนังสือแสดงสิทธิ ในที่ดิน ทั้ง น.ส.3 และโฉนด ทับแนวเขตทางรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
-ศาลมีคำสั่งให้ เพิกถอนเอกสารสิทธิ ที่ออกทับที่ดินรถไฟ โดยให้กรมที่ดินดำเนินการตรวจสอบแนวเขตและ "เพิกถอน" ตามกฎหมาย
-มติคณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่เป็นไม่ตามคำพิพากษา
เพราะคณะกรรมการสอบสวนสรุปว่า โฉนดออกโดยชอบ และ “ไม่เพิกถอน” โดยอ้างว่า ต้องวางตัวเป็นกลาง, ยังไม่มีข้อยุติเรื่องแผนที่ ระยะทาง และความกว้างของแนวเขต รวมถึงการรถไฟฯ ไม่มีหลักฐานยืนยันกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้น
หากเปรียบเทียบกับคำพิพากษาของศาล จะเห็นได้ชัดเลยว่า ขัดต่อคำพิพากษา
เพราะศาลได้ชี้แล้วว่า เอกสารสิทธิที่ออกทับเขตทางรถไฟไม่ชอบ และต้องเพิกถอน
การที่คณะกรรมการอ้างว่า โฉนดออกโดยชอบ จึงตรงข้ามกับข้อวินิจฉัยของศาล
ประการต่อมาไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของศาล ... ศาลกำหนดให้รังวัดและตรวจสอบเพื่อยืนยันแนวเขต ก่อนเพิกถอน
แต่คณะกรรมการกลับสรุปว่า “ไม่เพิกถอน” โดยใช้เหตุผลว่า แนวเขตยังไม่ยุติ ทั้งที่ผลรังวัดเป็นขั้นตอนทางเทคนิคซึ่งต้องทำให้เสร็จตามคำสั่งศาล ไม่ใช่เหตุปฏิเสธการเพิกถอน!
เข้าใจได้ง่ายๆ ก็คือ มติคณะกรรมการสอบสวนฯ ไม่เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลปกครองกลางนั่นเอง
เนื่องจากศาลได้ชี้แล้วว่า เอกสารสิทธิที่ออกทับที่ดินรถไฟ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต้องเพิกถอน ขณะที่คณะกรรมการกลับวินิจฉัยไปในทางตรงกันข้าม
นอกจากนี้ ฝ่ายสีน้ำเงินพยายามสื่อให้สังคมไขว้เขวว่า การฟ้องคดีเป็นกรณีรายแปลง ไม่ได้ฟ้องถึง 5 พันไร่ แต่ข้อเท็จจริงในการฟ้องที่ศาลปกครองกลาง เป็นการฟ้อง 5 พันไร่ และต่อมาได้ถูกพิพากษาถึงที่สุด เมื่อ 30 สิงหาคม 2566
เมื่อมาพิจารณาตามคำพิพากษาศาลปกครอง มีความชัดเจน และเป็นที่ยุติ ว่าเป็นเรื่องการอ้างกรรมสิทธิ์เนื้อที่ 5,000 ไร่ ระบุไว้
ดังนั้น การที่กรมที่ดินอ้างว่าปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองและเพิกถอนโฉนดที่ดิน "บางแปลง" จึงเป็นการใช้ดุลยพินิจโดยไม่สุจริต และใช้อำนาจเพื่อช่วยเหลือผู้มีอำนาจ
ชัดๆกันส่งท้าย งานนี้ "ศาลสั่งอย่างหนึ่ง แต่การเมืองทำอีกอย่าง" ใครทำตัวใหญ่กว่าศาล !?
เพราะฉะนั้น หากสีน้ำเงินจะอาศัยอำนาจที่มีฟอกขาว กระชากที่ดินเขากระโดงของการรถไฟให้กลับมาเป็นของ "บ้านใหญ่บุรีรัมย์" ก็อย่าดูแคลนประชาชนทั่วไป จะไม่รู้เท่าทัน คนเขาไม่ได้กินหญ้าย่อมเข้าใจดีว่า..อะไรเป็นอะไรนะจ๊ะ
++ บ่อนกาสิโนทมอดา สร้างยุคลุงตู่ “ศักดิ์สยาม” จัดให้ถนนสี่เลน
บ่อกาสิโน “ทมอดาซิตี้” ที่บ้านทมอดา อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ฝั่งกัมพูชา ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด สร้างรุกล้ำเข้ามาในเขตไทย โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ของกองทัพเรือ ได้ยื่นประท้วงไปแล้ว แต่ทางฝั่งกัมพูชายังเงียบ
ขณะที่ทางฝ่ายกองทัพเรือก็บอกว่า เมื่อกัมพูชาก่อสร้างรุกล้ำเข้ามา ก็ต้องเป็นฝ่ายที่ต้องรื้อถอนเอง ไม่ใช่ให้ฝ่ายไทยไปทุบทิ้ง
ผบ.ทร.คนปัจจุบัน กำลังจะเกษียณก็เลยดูเหมือน “เกียร์ว่าง” ต้องติดตามกันต่อไปว่า ผบ.ทร.คนใหม่ จะเอาอย่างไร
บ่อนกาสิโน แห่งนี้ เจ้าของก็คือ “ออกญาตรี เพียบ” มหาเศรษฐีเขมร จับมือกับทุนจีน วาดฝันจะสร้าง“ชุมชนชาวจีนใหม่” มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งการสร้างคอนโดฯ โรงแรมหรู บ่อนกาสิโน ภัตตาคาร สถานบันเทิง เนรมิตพื้นที่ชายแดนตรงนี้ ให้เป็นเมืองใหม่ ใช้ชื่อว่า “ทมอดาซิตี้”
มีการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ยุคเดียวกับบ่อนกาสิโน “สายตะกู” จ.บุรีรัมย์ ซึ่งก็รุกล้ำเขตแดนไทยเหมือนกัน ซึ่งถ้าย้อนกลับไปไล่ดูก็จะรู้ว่า ฝั่งไทยนั้นเป็นช่วง “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “พี่น้อง3ป.” สายบูรพาพยัคฆ์ กำลังเรืองอำนาจ
ขณะที่ฝ่ายกัมพูชา ย่านนี้อยู่ใต้อิทธิพลของ “ตระกูลเตีย” โดยมี “เตีย บัญ” อดีตรองนายกฯ และรมว.กลาโหม พ่อของ “เตีย เซ็ยฮา” รองนายกฯและรมว.กลาโหมคนปัจจุบันของกัมพูชา
“เตีย บัญ” สนิทสนมกับ “พี่น้อง 3 ป.” บูรพาพยัคฆ์ เป็นพิเศษ ในแวดวงการทหารรู้กันดี
จากด่านชายแดนจุดที่บ้านทมอดานี้ มีถนนไปถึงพระตะบอง ระยะทาง 109 กม. และถ้าต่อไปถึงเสียมเรียบก็ประมาณ 200 กม.
ทั้งฝ่ายไทย และกัมพูชา จึงมีแผนที่จะพัฒนา ผลักดันให้ตรงจุดนี้เป็นด่านถาวร โดยอ้างเป็น “ยุทธศาสตร์ชาติ” ถึงกับมีการเพิ่มด่าน “ท่าเส้น-ทมอดา” ไว้ในความตกลงฯ ภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงด้วย
“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” ซึ่งเป็น รมว.คมนาคม ในขณะนั้น ก็รับลูก สั่งการให้แขวงทางหลวงชนบทตราด ตัดถนนเริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 3 ถนนสุขุมวิท (ตราด-คลองใหญ่) ไปจนถึงด่านช่องทางการค้าบ้านท่าเส้น มีระยะทาง 6.6 กม. มีบางช่วงที่มีการก่อสร้างเป็นถนนสี่เลน ระยะทาง 1.9 กม. เพื่อไปยังจุดที่จะเป็นด่านถาวร
ก่อสร้างเมื่อปี 2563 เสร็จในปี 2564 ด้วยวงเงินงบประมาณ 51 ล้านบาทเศษ
“ประดิษฐ์ ดีทองอ่อน” ข้าราชการบำนาญ อดีต ผอ.แขวงทางหลวงชนบทตราด ที่รับผิดชอบการก่อสร้างถนนเส้นนี้ บอกว่า มีนโยบายมาว่าให้ดำเนินการก่อสร้างถนนสี่เลน เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ชาติ ในการพัฒนาชายแดน และรักษาความมั่นคง โดยเป็นการบูรณาการร่วมกัน ระหว่างจังหวัดตราด องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ตราด และ กลุ่มพ่อค้าประชาชนในพื้นที่ ผลักดันให้ด่านท่าเส้น เป็นด่านถาวร
คนในพื้นที่ตั้งความหวังว่า เมื่อมีด่านถาวรที่ท่าเส้น ก็จะพัฒนาต่อยอด เป็นศูนย์ราชการ ศูนย์สินค้าเกษตร กระตุ้นการค้าขายชายแดน ทั้งพัฒนาด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เพราะจากฝั่งไทยไปถึงนครวัด นครธม แค่ 200 กม. ขณะที่ชาวกัมพูชา ก็มาเที่ยวทะเล เกาะแก่ง หาดทราย ที่จ.ตราด
ขณะที่ กลุ่มนักลงทุน กลุ่มผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็น จีนเทา เขมรเทา ไทยเทา ข้าราชการเทา ก็หวังจะใช้ตรงจุดนี้ เป็นบ่อนกาสิโน เป็นแหล่งค้าของเถื่อน ค้ามนุษย์ ฟอกเงิน สแกมเมอร์ หลอกลวง รวมทั้งธุรกิจสีเทา สีดำทั้งหลาย
เพราะเห็นๆกันอยู่ว่า บ่อนปอยเปต ที่สระแก้ว บ่อนสายตะกู บุรีรัมย์ ด่านบ้านแหลมที่ จันทบุรี ล้วนเป็นแหล่งทำเงิน
แต่เมื่อมีปัญหาชายแดนไทย- กัมพูชา จนเกิดการลงไม้ลงมือ ปะทะกัน ทำให้แผนเปิดด่านต้องชะงักไป
“บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พยายามจะเปิด แต่กองทัพคัดค้าน... ต้องติดตามกันว่าสุดท้ายจะจัดการกับปัญหานี้อย่างไร