xs
xsm
sm
md
lg

“สะถิระ” หนุน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานเสนอเพิ่มสิทธิลาคลอด-ลากรณีพิเศษดูแลบุตร-ผู้ป่วยติดเตียง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้(24 ก.ย.)ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี พรรคกล้าธรรม (กธ.) กล่าวอภิปรายสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน โดยระบุว่า ร่างกฎหมายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการคืนเวลาให้กับแรงงานไทย เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงในสถาบันครอบครัว และคุณภาพชีวิตของแรงงานในระยะยาว เพราะเงินซื้อเวลาไม่ได้ แต่กฎหมายฉบับนี้จะทำให้แรงงานได้เวลาคืนมา และเวลานั้นคือหัวใจของครอบครัว ที่เป็นสถาบันเล็กที่สุดแต่สำคัญที่สุดของชาติ และการให้เวลาผ่านสิทธิการลาต่างๆ คือการสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมอย่างแท้จริง

นายสะถิระ กล่าวต่อถึงการเพิ่มสิทธิลาคลอด จากเดิม 98 วัน ให้เป็น 120 วัน โดยเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆ เช่น บัลแกเรีย ซึ่งให้ลาคลอดได้สูงถึง 56 สัปดาห์ อังกฤษ 39 สัปดาห์ และนิวซีแลนด์ 26 สัปดาห์ ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาหลังคลอดอันเปราะบาง แต่วันนี้ผู้หญิงไทยลาคลอดได้แค่ 14 สัปดาห์ เราต้องถามว่าเพียงพอหรือยัง? ลูกคืออนาคตของชาติ การให้เวลาแม่ได้เลี้ยงลูกช่วงแรก คือการวางรากฐานของมนุษย์ที่สมบูรณ์ในอนาคต

นอกจากนี้ นายสะถิระ ยังได้เสนอให้มีการพิจารณาเพิ่มสิทธิลากรณีพิเศษสำหรับบิดามารดา เพื่อใช้ในกรณีที่บุตรป่วย เช่น ไข้หวัดใหญ่ หรือ โรคระบบทางเดินหายใจ เช่น RSV ซึ่งมักพบในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ โดยต้องใช้เวลารักษาตัวตั้งแต่ 5 วันถึง 3 สัปดาห์ ซึ่งพ่อแม่จะลาไปดูแลลูกยังลำบาก โดยเฉพาะครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว หรือครอบครัวขนาดเล็ก ที่ไม่มีผู้ช่วย รวมถึงการดูแลสมาชิกครอบครัวที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต ควรมีการพิจารณาให้สิทธิการลาอย่างเหมาะสม เพื่อให้สมาชิกครอบครัวสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ในยามจำเป็น จึงขอฝากคณะกรรมาธิการวิสามัญให้พิจารณาด้วย

นายสะถิระ ยังกล่าวถึงความสำคัญของสิทธิสตรีและแรงงานหญิงว่า ควรการจัดให้มีสถานที่ปั๊มนมในสถานที่ทำงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยไม่ใช่เพียงแค่มีสถานที่เท่านั้น แต่ควรจัดให้มี อุปกรณ์ครบถ้วน เช่น ตู้แช่น้ำนม เพื่อรักษาคุณภาพของน้ำนมแม่ และสร้างความมั่นใจให้แรงงานหญิงสามารถทำงานได้โดยไม่กระทบต่อสุขภาพลูกน้อย จึงควรมีกฎหมายหรือข้อบังคับให้สถานประกอบการดูแลเรื่องนี้ให้จริงจัง

นายสะถิระ กล่าวทิ้งท้ายว่า ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญให้ความสำคัญกับกระบวนการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายจากฝ่ายแรงงานและฝ่ายนายจ้าง เพราะกฎหมายจะดีแค่ไหน ถ้าใช้ไม่ได้จริง ก็ไม่มีประโยชน์ เราต้องมองให้ครบทุกมิติ เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้สร้างผลลัพธ์จริงต่อชีวิตแรงงานไทย

จากนั้น ที่ประชุมสภาฯ มีมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ จำนวน 39 คน กำหนดการแปรญัตติ 15 วัน
กำลังโหลดความคิดเห็น