สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่าความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตและความต้องการคลื่นความถี่ของประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าสิ้นปี 2568 ปริมาณความต้องการใช้คลื่นความถี่เพื่อรองรับบริการโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่จะสูงถึง 615 MHz
กสทช.ระบุว่า หากที่ผ่านมายังไม่มีการจัดสรรคลื่นเพิ่มเติม ไทยจะมีคลื่นความถี่สำหรับบริการโทรศัพท์มือถือเพียง 500 MHz เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าความต้องการจริงกว่าหนึ่งร้อยเมกะเฮิรตซ์ สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ไม่เสถียร ความเร็วอินเทอร์เน็ตลดลง การสตรีมภาพยนตร์หรือเล่นเกมออนไลน์เกิดอาการสะดุดได้
สำนักงาน กสทช. ได้จัดทำข้อมูลปริมาณความต้องการใช้งานอินเทอร์เน็ต โดยพบว่า คนไทยมีปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตสูงขึ้น จาก 25.45 GB ในปี 2565 เพิ่มเป็น 27.20 GB ในปี 2568 และได้ประเมินความต้องการใช้คลื่นความถี่จาก 539 MHz ในปี 2567 เพิ่มเป็น 615 MHz ในปี 2568 ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณคลื่นความถี่รองรับการใช้งานอยู่ที่ 620 MHz แต่หากที่ผ่านมาเมื่อคลื่นความถี่เก่าหมดอายุใบอนุญาตลง และไม่มีการประมูลคลื่นความถี่เกิดขึ้นร ปริมาณคลื่นความถี่ของไทยจะเหลือเพียง 500 MHz ซึ่งการประมูลที่ผ่านมา ทำให้ไทยมีปริมาณคลื่นความถี่กลับมาอยู่ที่ 620 MHz ทั้งนี้ หากปริมาณคลื่นความถี่ไม่เพียงพอจะกระทบต่อคุณภาพเครือข่าย ทั้งการโทรเข้าโทรออก การใช้งานวิดีโอคอล การเล่นเกมออนไลน์ ไปจนถึงการรับชมคอนเทนต์ออนไลน์ โดยเฉพาะในช่วงที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น
ที่ผ่านมา กสทช.ได้จัดประมูลคลื่นหลายช่วงเพื่อเพิ่มศักยภาพเครือข่ายของผู้ให้บริการมือถือ ช่วยให้การกระจายปริมาณข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงของปัญหาสัญญาณติดขัด ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญรองรับพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
กสทช.ระบุเพิ่มเติมว่า กสทช.ไม่ได้หยุดยั้งการบริหารจัดการคลื่นความถี่ให้เกิดประสิทธิภาพ ในอีก 2 ปีข้างหน้าจะต้องมีการเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่สิ้นสุดการใช้งาน เพื่อเพิ่มปริณคลื่นความถี่ให้เพียงพอและสอดคล้องกับความต้องการใช้งานของประชาชนทั่วประเทศ