วันนี้(19 ก.ย.)ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมชี้แจงสถานศึกษารับสมัครนักเรียนและนักศึกษา เข้าร่วมโครงการทุน ODOS ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพปีที่ 2 (รุ่นที่ 2) ว่า ตนไม่ได้อยากจะมอบนโยบายเรื่องใดเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว เพราะถือเป็นโครงการที่ดีที่สร้างโอกาสความเสมอภาคทางการศึกษา แต่ตนอยากฝากการดำเนินโครงการทุน ODOS ในอนาคต อยากให้มีการทบทวนหลักเกณฑ์การให้ทุนที่ไม่ควรไปขีดเส้นความยากจนในรูปแบบเดียวกันทั้งประเทศ เพราะนักเรียนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครแม้ครอบครัวมีรายได้สูงกว่าเส้นความยากจน แต่เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายแล้วถือว่ามีค่าครองชีพที่สูงกว่าจังหวัดอื่น ซึ่งถือว่ากลุ่มคนเหล่านี้ก็คือคนจนในเมืองเช่นเดียวกัน ดังนั้นตนจึงอยากให้คำนึงถึงจุดนี้ เพื่อให้นักเรียนในเมืองได้เข้าถึงโอกาสทุนดังกล่าวเช่นเดียวกัน
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ตนอยากฝาก คือ กลุ่มสาขาที่คัดเลือกผู้เรียนไม่อยากให้จำกัดแค่กลุ่มวิชาสะเต็มศึกษาเพียงอย่างเดียว โดยอยากให้กระจายครอบคลุมไปยังกลุ่มทักษะด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ทักษะกีฬา ทักษะด้านจิตวิทยาทางสังคม เป็นต้น เพราะทักษะด้านอื่นๆ ก็จำเป็นต่อการพัฒนาอนาคตประเทศเช่นเดียวกัน แม้กลุ่มวิชาสะเต็มศึกษาจะเป็นตัวหลักในการพัฒนาประเทศก็ตาม รวมถึงอยากให้มีระบบติดตามผู้เรียนจบโครงการด้วยว่า ผู้ที่จบการศึกษาไปแล้วได้ไปทำงานกลับมาใช้ทุนที่ไหน และมีรายได้ มีอาชีพใดรองรับหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาสมัยตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือแม้กระทั่งรมช.แรงงาน มีโอกาสเดินทางไปดูงานต่างประเทศ และได้พบกับนักเรียนทุนโอดอสเหล่านี้ก็ทำให้ทราบว่า นักเรียนทุนหลายคนเลือกที่จะอยู่ต่อในต่างประเทศสมัครทำงานเป็นลูกจ้างกับสถานทูตไทย ซึ่งเราจะมีวิธีการอย่างไรที่จะนำนักเรียนทุนที่มีความรู้ความสามารถเหล่านี้กลับมาทำงานต่อที่ประเทศไทยได้ ดังนั้นขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูงานที่จะรองรับและสอดคล้องกับสาขาวิชาที่เด็กไปเรียนด้วย เพื่อเป็นการพัฒนาประเทศไทยไปด้วย
“สำหรับโครงการทุน ODOS รุ่นที่ 2 มีผู้สมัครจำนวน 1,200 คน ได้ทุนเรียนต่อต่างประเทศ จำนวน 100 คน ส่วนที่เหลือเป็นทุนศึกษาต่อในประเทศ ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องทักษะภาษาอังกฤษของเด็กไทยที่จะไปเรียนต่อนั้น ดิฉันได้รับรายงานว่า มีการอบรมทดสอบภาษาอังกฤษระดับนานาชาติจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไม่ต่ำกว่า 5.5 คะแนนจากคะแนนเต็ม 9 คะแนน ซึ่งถือว่าเป็นการทดสอบภาษาที่เข้มข้น เพื่อปูพื้นฐานให้เด็กก่อนไปสนามจริงในต่างแดน” ศ.ดร.นฤมล กล่าว