วันนี้(18 ก.ย.)นายเอกภาพ พลซื่อ โฆษกกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์น้ำวันนี้ (18 ก.ย.68) มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวม 55,117ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ78 ของความจุอ่างรวมกัน สามารถรับน้ำได้อีก 15,810 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็นร้อยละ 22 ของความจุอ่างรวมกัน
โดยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 10แห่ง คือ สิริกิติ์ แม่งัดสมบูรณ์ชล แควน้อยบำรุงแดน แม่มอก ห้วยหลวง น้ำอูน ศรีนครินทร์วชิราลงกรณ บางพระและประแสร์
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 50% ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 16 แห่ง คือ ภูมิพล แม่กวงอุดมธารา กิ่วลม กิ่วคอหมา น้ำพุง จุฬาภรณ์ อุบลรัตน์ ลำปาว ลำแชะ สิรินธร ป่าสักชลสิทธิ์ขุ นด่านปราการชล หนองปลาไหล แก่งกระจาน นฤบดินทรจินดา และรัชชประภา
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำระหว่าง 31 - 50%ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 5แห่ง คือ ลำพระเพลิง มูลบน กระเสียว ปราณบุรีและบางลาง
อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำน้อยกว่าหรือเท่ากับ 30% ของความจุอ่าง ปัจจุบัน มีจำนวน 4แห่ง คือ ลำตะคองลำนางรอง ทับเสลาและคลองสียัด
ทั้งนี้ สถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ จำนวน 470 แห่ง มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 59,112 ล้าน ลบ.ม. (77% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 35,163 ล้าน ลบ.ม. (67% ของความจุอ่างฯรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 17,395 ล้าน ลบ.ม. แยกเป็นรายภาค ดังนี้
ภาคเหนือ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 21,351 ล้าน ลบ.ม. (82% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 14,514 ล้าน ลบ.ม. (76% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 4,619* ล้าน ลบ.ม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 7,495 ล้าน ลบ.ม. (71% ของความจอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้5,674 ล้าน ลบ.ม. (65% ของความจุอ่างฯรวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 2,995ล้าน ลบ.ม.
ภาคกลาง มีปริมาณน้ำในอ่าง รวมกันทั้งสิ้น 1,131 ล้าน ลบ.ม. (62% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 1,045 ล้าน ลบ.ม. (60% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 707 ล้าน ลบ.ม.
ภาคตะวันตก มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 21,628 ล้าน ลบ.ม. (81% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 8,340 ล้าน ลบ.ม. (62% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 5,141 ล้าน ลบ.ม.
ภาคตะวันออก มีปริมาณในอ่างฯรวมกันทั้งสิ้น 1,678 ล้าน ลบ.ม. (66% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้1,528 ล้าน ลบ.ม. (64% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 846 ล้าน ลบ.ม.
ภาคใต้มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 5,829 ล้าน ลบ.ม. (65% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) เป็นน้ำใช้การได้ 4,064 ล้าน ลบ.ม. (57% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) สามารถรับน้ำได้อีก 3,086 ล้าน ลบ.ม.
นายเอกภาพ กล่าวว่า ในส่วนของลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก ปัจจุบัน (18 ก.ย. ) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 20,360ล้าน ลบ.ม. (82% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำใช้การได้13,664 ล้าน ลบ.ม. (75% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 153.91 ล้าน ลบ.ม. ระบายน้ำออกจากอ่างฯ66.33ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 4,511 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็น
เขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำใช้การได้ 6,758 ล้าน ลบ.ม. (70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ
55.12 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 10.00 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนสิริกิติ์ปริมาณน้ำใช้การได้5,507ล้าน ลบ.ม. (83% ของความจุอ่างฯรวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ28.09
ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 19.99 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน ปริมาณน้ำใช้การได้734 ล้าน ลบ.ม. (82% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 16.37 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 10.37 ล้าน ลบ.ม.
เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำใช้การได้665 ล้าน ลบ.ม. (69% ของความจุอ่างฯ รวมกัน) ปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ 54.34 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำระบาย 25.97 ล้าน ลบ.ม
ส่วน แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี P.17 อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ วัดได้526 ลบ.ม./วินาที (เมื่อวาน 615ลบ.ม./วินาที) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.71 เมตร
แม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำไหลผ่านที่สถานี N.67 อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ วัดได้1,244 ลบ.ม./วินาที(เมื่อวาน 1,244ลบ.ม./วินาที) ต่ำกว่าตลิ่ง 0.88 เมตร
สำหรับการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา (ณ 06.00 น.) สถานี C.13 เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,200 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำเหนือเขื่อน 17.04 ม. ระดับน้ำท้ายเขื่อน 15.23 ม. (ต่ำกว่าตลิ่ง 1.11 ม.) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
นายเอกภาพ ย้ำ กรมชลประทาน บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด