“ปกรณ์วุฒิ” น้อมรับเสียงวิจารณ์ “ชูวิทย์” แต่ ครม.อนุทินยังไม่ถวายสัตย์ฯ ยังกล่าวหาเรื่องคดีเขากระโดง–ฮั้ว ส.ว.ไม่ได้ ย้ำเสียงในสภาไม่อาจทำให้ภูมิใจไทยเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก เว้นแต่พรรคใหญ่แตกจริงจัง
วันที่ 18 ก.ย. นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์โจมตีว่าพรรคประชาชน “ไม่ทันเกม” พรรคภูมิใจไทย ว่า ตนน้อมรับความเห็นทุกฝ่ายอย่างเคารพ แม้แต่กับนายชูวิทย์ซึ่งตนเคยเลือกพรรคมาแล้วเมื่อครั้งลงสนามการเมือง พรรคประชาชนตัดสินใจทางการเมืองโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศ มากกว่าฐานความนิยมของพรรคเอง เป้าหมายหลักคือการยุบสภาและคืนอำนาจให้ประชาชน เปิดทางสู่การแก้รัฐธรรมนูญ
เมื่อถูกถามว่าการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา ทำให้พรรคภูมิใจไทยได้ฐานเสียงเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิย้อนถามว่า เสียงในสภาเพิ่มขึ้นแล้วหรอครับ พร้อมอธิบายว่า พรรคประชาชนมี 142 เสียง พรรคเพื่อไทยเหลือ 132 เสียง พรรคประชาชาติ 9 เสียง รวมกว่า 280 เสียง ขณะที่การจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากได้ พรรคภูมิใจไทยต้องอาศัยการแตกพรรคใหญ่อย่างจริงจัง “มันเป็นการตีตนไปก่อนไข้”
“ตัวเลขอยู่ในหัวผมตลอด ผมเก่งเลขครับ มันไม่เป็นไปได้ที่เขาจะเป็นเสียงข้างมาก เว้นแต่จะมีพรรคแตก 30–40 เสียงจริง ๆ” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว พร้อมเหน็บกลับว่า อาจต้องฝากไปถามพรรคเพื่อไทยเองว่า ส.ส. 132 เสียงที่เหลือจะลดลงอีกหรือไม่
ส่วนคำถามว่าหลังเห็นโผ ครม.ชุดใหม่แล้วคุ้มค่ากับการโหวตหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ ระบุว่า รายชื่อหลายคนเป็นที่น่าชื่นชม โดยเฉพาะโควตาคนนอกในกระทรวงเศรษฐกิจและความมั่นคง ที่เกิดขึ้นเพราะพรรคประชาชนยืนยันไม่รับเก้าอี้ใด ๆ จึงมีที่ว่างให้ดึงคนนอกเข้ามาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้บ้าง แต่ในส่วนของโควตาพรรคการเมือง “ก็ไม่ได้ต่างจากรัฐบาลเพื่อไทยมากนัก”
สำหรับเสียงวิจารณ์ว่ามี “รัฐมนตรีบุรีรัมย์” เข้ามา นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมเป็นจุดที่พรรคประชาชน โดยเฉพาะนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่ามีการตั้งบุคคลเพื่อดำเนินการบางอย่างในช่วง 4 เดือนนี้หรือไม่
เมื่อถูกถามว่ามีการดำเนินการล่วงหน้า เช็กบิลเจ้าหน้าที่ที่ทำคดี “เขากระโดง–ฮั้ว ส.ว.” แล้วหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิย้ำว่า ครม.อนุทินยังไม่ได้ถวายสัตย์ ยังไม่มีอำนาจสั่งการ จึงไม่สามารถกล่าวหาได้ อีกทั้งคดีใหญ่เช่นนี้ ไม่อาจดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่เดือนอยู่แล้ว
“อย่าลืมว่า ครม.รักษาการก่อนหน้านี้ก็คือรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเอง คำถามคือ ทำอะไรกับคดีเหล่านี้แล้วหรือยัง เรื่องเขากระโดงยังอยู่ในศาลปกครอง การชะลอจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ คุณอนุทินยังไม่มีอำนาจใด ๆ จะไปกล่าวหาว่าทำหรือไม่ทำอะไรไม่ได้ ต้องรอการแถลงนโยบายก่อน” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามถึงคดีฮั้วสว. ที่เจ้าหน้าที่ถูกเรียกตัวไม่ให้ดำเนินการต่อ นายปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ทราบข้อมูลจึงไม่สามารถตอบคำถามได้ แต่พรรคประชาชนมีทีมงานที่ดูเรื่องนี้อยู่