xs
xsm
sm
md
lg

“สามารถ” ชี้ขั้วเก่ายึดปชป.ฟันธงมีแข่ง “มาร์ค” ไม่มา พอลุ้นได้ 16 สส. 13 กก.บห. เปิด 3 สูตรคุมโหวตเตอร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อดีตรองหน.ปชป. ชี้ขั้วอำนาจเก่ายึดพรรค ฟันธง “อภิสิทธิ์” ไม่กลับให้เปลืองตัว ถ้ามีแข่ง เปิดสูตร 3 กลุ่มโหวตเตอร์ รองรับ ใครคุม คนนั้นชนะ บอกถ้า “ขั้วหนุนมาร์ค” ได้ 16 สส. 13 กก.บห.พอมีลุ้น


เมื่อวันที่ (16 กันยายน 2568) นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่แทนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่เพิ่งลาออกไป ว่า หลายคนถามตนว่าใครจะเป็นผู้คุมเกมตัวจริงในการชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่ มีอดีตสส.หลายคนโทรศัพท์มาหาตนว่าจะสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ตนจึงวิเคราะห์และแยกสมการตัวเลขของฐานเสียงที่เป็นโหวตเตอร์ หรือผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้เห็นว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้ากลุ่มอำนาจเดิมที่เป็นผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน ยังคงควบคุมเสียงของสส.ปัจจุบัน และเสียงของคณะกรรมการบริหาร(กก.บห.)พรรคชุดปัจจุบันอยู่ในมือ ไม่มีทางที่ผู้สนับสนุนนายอภิสิทธิ์จะหักด่านให้ขึ้นนั่งเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ได้ พูดง่ายๆ ถ้ายังมีการแข่งขันโดยกลุ่มขั้วอำนาจเดิมก็หวังจะยึดพรรคต่อ แต่ปรับพรรคให้เป็นพรรคภูมิภาคนิยมคือ ได้กลุ่มสส.ในจังหวัดสงขลา และกลุ่มสส.จังหวัดนครศรีธรรมราช สมมุติเฉลี่ยจังหวัดละ 4-5 เสียง ก็จะได้สส.แน่ๆราว 8-10 คน ก็ได้1โควตารัฐมนตรี และหวังจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลตลอดไปแบบนี้ พรรคก็จะยิ่งตกต่ำลงเรื่อยๆ แต่หากจะสู้ได้ต้องมีเสียงสส. สนับสนุนขั้วของนายอภิสิทธิ์มากกว่า16 เสียง รวมถึงเสียงของกลุ่ม กก.บห. ปัจจุบันอีกมากกว่า13 คน ถึงจะมีโอกาสชนะ

”ผมจึงฟันธงว่า ถ้ายังมีการแข่งขัน นายอภิสิทธิ์ คงไม่มาให้เปลืองตัว เพราะคนขั้วอำนาจเดิมในพรรค มีเจตนาที่จะยึดพรรคต่อไป เพราะเกมตัวเลขอยู่ที่คนคุมคะแนนเสียง ตามข้อบังคับพรรคปชป. ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนหรือโหวตเตอร์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ (1.)สส.ปัจจุบัน มีคะแนน 40% ของคะแนนเสียงของที่ประชุมใหญ่ จึงเป็นฐานเสียงที่แข็งที่สุด ใครกุมเสียง สส.ได้ ก็มีโอกาสชนะ ปัจจุบันพรรค ปชป.มีสส. 25 คน มีคะแนน 40% เท่าว่า สส. 1 คน จะมีคะแนนถึง 1.6% (40%/25) (2.)กก.บห. มีคะแนน 20% ของคะแนนเสียงของที่ประชุมใหญ่ ปัจจุบัน เหลือ กก.บห.32 คนในจำนวนนี้ มีคนที่เป็น สส.ปัจจุบัน 8 คน เหลือ กก.บห.ที่ไม่เป็น สส. รวม 24 คน มีคะแนน 20% เท่ากับว่า กก.บห. 1 คน จะมีคะแนน 0.83% (20%/24) (3.)โหวตเตอร์อื่น เช่น อดีตหัวหน้าพรรค ,อดีตเลขาธิการพรรค, อดีต สส.,รัฐมนตรีของพรรคในปัจจุบัน ,อดีตรัฐมนตรีของพรรค ,หัวหน้าสาขาพรรค ,ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด เป็นต้น มีคะแนน 40% ของคะแนนเสียงของที่ประชุมใหญ่ ตามข้อบังคับพรรค โหวตเตอร์ทั้งหมดจะต้องมีอย่างน้อย 250 คน ดังนั้น จำนวนโหวตเตอร์อื่นจะต้องมีไม่น้อยกว่า 201 คน (250-25-24) มีคะแนน 40% หมายความว่า โหวตเตอร์อื่น 1 คน จะมีคะแนน 0.20% (40%/201) เท่านั้น ถ้าในวันเลือกตั้ง ยิ่งมีโหวตเตอร์เข้าร่วมมากกว่า 250 คน จะยิ่งทำให้โหวตเตอร์อื่นมีคะแนนต่อคนลดน้อยลงอีก สรุปง่ายๆ เสียง สส.และ กก.บห.จะชี้ขาดทุกอย่าง เพราะมีคะแนนต่อคนสูง และส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้วอำนาจเดิม ที่เป็นผู้คุมคะแนนเสียง“ นายสามารถ กล่าว

อดีตรองหัวหน้าพรรคปชป. กล่าวต่อว่า
ดังนั้น หากกลุ่ม สส.รวมกับกลุ่ม กก.บห. ที่มีคะแนนรวมถึง 60% ถ้าขั้วอำนาจเดิมรวมกันได้ครบ ขั้วกลุ่มใหม่ ที่จะเสนอชื่อใครเข้ามาชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ก็แทบจะหมดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ลงสนามแข่ง แต่ถ้าหาก ขั้วกลุ่มใหม่ที่ประกาศตัวสนับสนุนนายอภิสิทธิ์จะสู้ได้ ก็ต้องมี สส.ในมือมากกว่า 16 คน และกก.บห.ชุดปัจจุบันอีก13 เสียงขึ้นไป และยังต้องได้คะแนนจากโหวตเตอร์อื่นอย่างน้อย 15% จากทั้งหมด 40% หรือคิดเป็นโหวตเตอร์ 75 คนขึ้นไป (ในกรณีที่โหวตเตอร์มี 250 เสียง) ซึ่งไม่ง่ายในเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ ส่วนตัวจึงมองว่า เป็นแค่เกมเปลี่ยนหัวเพื่อให้ขั้วอำนาจเดิมทำพรรคเป็นภูมิภาคนิยมมากกว่า ตนจึงตั้งคำถามต่อโหวตเตอร์ซึ่งเป็นคนพรรคปชป. ว่า เขาจะเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพื่อใคร เพื่อส่วนรวม หรือเพื่ออำนาจของคนบางกลุ่มบางคนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น